SET Q1/67 ต่างชาติเทขายกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท การส่งออกและการท่องเที่ยวหนุน GDP โต

SET Q1/67 ต่างชาติเทขายกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท การส่งออกและการท่องเที่ยวหนุน GDP โต 


นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงภาวะในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ มีผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 68,862 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 23 โดยประเมินว่าการขายของต่างชาติจะกลับมาเป็นบวก จาก 4 ปัจจัยหลัก (1.) ภาวาเศรษฐกิจไทย (2.) การลดดอกเบี้ย (3.) ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน (4.) สภาวะเศรษฐกิจโลก


โดยในขณะที่เศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณชะลอตัวลง ถึงแม้ว่าจะยังไม่เข้าสู่สภาวะถดถอย แต่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ลดลงตามที่ธนาคารกลางหลายแห่งคาดหวัง ทำให้ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของแต่ละประเทศแตกต่างกันไป โดยตัวเลขของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ล่าสุด ทั้งนี้ทางด้านการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.75 แสนตำแหน่งเกินตลาดคาดไว้ นอกจากนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ลดลงใกล้เคียงเป้าหมาย (2.0%) ที่ 2.5% แม้ Fed ได้ประกาศว่ายังมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่ผู้ลงทุนกังวลว่า FED อาจชะลอการลดดอกเบี้ยออกไป ส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า นอกจากนี้ ยังเห็นสัญญาณเงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในหุ้นขนาดใหญ่ อย่างไรก็ดีหุ้นขนาดกลางและเล็กได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้น


นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าในเดือนมีนาคม 2567 ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดที่ 1,377.94 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.5% ทางด้านกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มบริการ กลุ่มการเงิน และ กลุ่มทรัพยากร


ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 499,897 สัญญา เพิ่มขึ้น 26.9% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ SET50 Index Futures และ Single Stock Futures และในไตรมาส 1/2567 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 432,895 สัญญา ลดลง 27.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures 


Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทยอยู่ที่ระดับ 14.6 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.5 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.7 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.5 เท่า


นอกจากนี้การส่งออกก็เติบโตเติบโตต่อเนื่อง 7 เดือน ทั้งยังตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นกว่า 9.3 ล้านคน แบ่งเป็น ชาวจีนราว 2 ล้านคน ถือว่าทั้งสองภาคอุตสาหกรรมนี้เป็นส่วนที่สนับสนุนสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยหลังจากนี้รอการเบิกจ่ายภาครัฐและนโยบาย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้วย


คุณศรพล กล่าวเสริมว่าในช่วงเดือนเมษายนของทุกปีที่มีช่วงวันหยุดยาวโดยเฉลี่ยจะมีปริมาณการซื้อขายที่ลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 20% เป็นปกติทุกปี

#SET #ภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนมีนาคม2567 #ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย