บลจ.อีสท์สปริง จังหวะดีลงทุนหุ้นโลกผ่านกองทุนเปิด TMBGQG เน้นหุ้นเติบโตและคุณภาพดีเข้าพอร์ต . นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ยังคงแนะนำธีมการลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตทั่วโลกที่มีคุณภาพ เช่น กองทุนเปิดทหารไทย Global Quality Growth (TMBGQG) ส่งให้มีโอกาสเติบโตของเงินลงทุนจาก secular theme ต่างๆ เช่น AI, สุขภาพ, การบริโภค, นวัตกรรมการเงิน, ซัพพลายเชน ฯลฯ นอกจากนี้กองทุนหลักยังสามารถปรับเปลี่ยนปัจจัยในการคัดเลือกหุ้นให้เหมาะกับสภาวการณ์ รวมถึงลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มของผลประกอบการที่ดี เช่น ในช่วงเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดี กองทุนจะให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีการเติบโตที่ราคาไม่แพง แต่ในช่วงเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวกองทุนจะให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนน่าสนใจ โดยได้รับ Morningstar Overall Rating 5 ดาวและมี track record ยาวนานกว่า 10 ปี (ที่มา: Wellington Management ณ เดือนก.พ. 2567) ทั้งนี้ กองทุนเปิดทหารไทย Global Quality Growth (TMBGQG) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว (Master Fund) คือกองทุน Wellington Global Quality Growth Fund ในหน่วยลงทุนชนิดUSD Class S Accumulating Unhedged ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ดำเนินงานตามระเบียบของ UCITS กองทุนรวมต่างประเทศดังกล่าวบริหารจัดการโดย Wellington Management Company และลงทุนในรูปสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ ที่เน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก มีแนวทางการลงทุนโดยเน้นการสร้างพอร์ตการลงทุนให้มีความสมดุล โดยกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกบริษัทที่จะเข้าลงทุนจากทั้งมิติของการเติบโต (Growth) มูลค่าที่เหมาะสม (Valuation) คุณภาพของธุรกิจ (Quality) และการจ่ายอัตราผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วย (Capital Return) ด้านนาย Jeremy H. Butterworth, Vice President and Investment Strategist จากสถาบันการเงินการลงทุนชั้นนำระดับโลกอย่าง Wellington Management กล่าวถึงมุมมองต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกว่า จะมีโอกาสเกิด soft landing หรือ no landing ได้ในปีนี้จากสัญญาณเชิงบวก คือ 1.ดัชนีชี้วัดที่เป็น leading indicator เริ่มไปในทิศทางที่ดีขึ้น เช่น อัตราการใช้กำลังการผลิต, อัตราการว่างงาน, ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และแนวโน้มนโยบายอัตราดอกเบี้ย 2.ตัวเลขเงินเฟ้อลดลงจากปัจจัยค่าใช้จ่ายที่อยู่อาศัยและค่าแรง แต่อาจมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ 3.การคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่อาจจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี สภาวะการแข่งขัน และนโยบายต่าง ๆ ที่ออกจากทางการ “กลยุทธ์การลงทุนในปีนี้จึงอาจเน้นความสำคัญในการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่คุณภาพดี มีความสามารถในการแข่งขันสูง รวมถึงมีความคล่องตัวในการปรับพอร์ตลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ เพราะจะช่วยสร้างโอกาสในการลงทุนที่ดีท่ามกลางความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต” นาย Jeremy H. Butterworth กล่าว ในปัจจุบันกองทุน Wellington Global Quality Growth Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ TMBGQG ให้ความสนใจลงทุน (Overweight) ในกลุ่มประเทศสหรัฐฯ และยุโรปเป็นหลักเพราะเป็นบริษัทที่มีคุณภาพดีและมีรายได้ทั่วโลก นอกจากนี้ยัง Overweight ใน sector กลุ่มการเงินคือกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทางเลือก เช่น ARES Management and KKR เพราะสามารถสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอจากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการ รวมถึงปัจจุบันกระแสการลงทุนใน Private Asset ที่มากขึ้นจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ และกลุ่มประกันเพราะสามารถปรับเพิ่มเบี้ยประกันได้จากต้นทุนที่สูงขึ้น และ Overweight กลุ่ม healthcare เช่น Eli Lilly และ Novartis จากความคาดหวังการเติบโตจากการคิดค้นยารักษาโรคเบาหวานและโรคอ้วน และกลุ่ม Industrial เช่น DSV ซึ่งได้รับประโยชน์จากการขนส่งทั่วโลกที่จะมีมากขึ้น สำหรับสัดส่วนการลงทุน 10 บริษัทแรกเรียงตามน้ำหนักการลงทุนนั้น ประกอบด้วยหุ้น “Magnificent 7” ทั้งหมด 5 ตัวได้แก่ 1. Microsoft (4.4%) 2. Amazon (3.9%), 3. Meta (3.3%) 4. Alphabet (3.2%) 5.Nvidia (2.8%) และหุ้นอื่นๆ 6.TSMC (2.3%) 7. Mastercard (2.0%) 8. Visa Inc (2.0%) 9. Salesforce Inc. (1.8%) 10. UnitedHealth Gr (1.8%) (ทีมา: Wellington Management ณ เดือนก.พ. 2567) ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eastspring.co.th หรือโทร 1725 #EastSpring #บลจอีสท์สปริง #กองทุนเปิดTMBGQG #กองทุนเปิดทหารไทย