นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโส สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีความกังวลกับปัญหาสินค้าราคาถูกที่เข้ามาทุ่มตลาดในประเทศไทย และในตลาดอาเซียน ทั้งจากสินค้าออนไลน์ และการเข้ามาใช้ประโยชน์จากเขตปลอดอากร เพื่อขายสินค้าในประเทศ ดังนั้น กกร. จึงเสนอขอให้ภาครัฐพิจารณาทบทวน ข้อยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ที่ไม่เกิน 1,500 บาทเพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับผู้ประกอบการไทย มีการทบทวนนโยบายและเงื่อนไขในการใช้สิทธิประโยชน์ใน Free Trade Zone รวมทั้ง การออกมาตรการปกป้องผู้ประกอบการในประเทศ เช่นการนำมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนตลาด (Anti-Circumvention: AC) มาบังคับใช้ การเพิ่มความเข้มงวดการตรวจจับสินค้าที่นำเข้าผ่านด่านศุลกากร และการเร่งออกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้ครอบคลุม เป็นต้น
ทั้งนี้เศรษฐกิจโลกปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงปีก่อน หลีกเลี่ยงการชะลอตัวรุนแรงได้เศรษฐกิจโลกปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ที่ราว 3% ปรับตัวดีกว่าประมาณการเดิมเล็กน้อยตามคาดการณ์ของ IMF และ OECD เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่งแม้ดอกเบี้ยสูง และเศรษฐกิจจีนที่คาดจะมีแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ สอดคล้องกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)ในเดือนมกราคม ที่ดีขึ้น
นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เผยว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้แต่ยังอ่อนแอ แม้ภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจ แต่ภาคการผลิตหดตัวต่อเนื่อง ทำให้การฟื้นตัวไม่ทั่วถึง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบต่อเนื่องเป็นสัญญาณความอ่อนแอของเศรษฐกิจในประเทศ ถือเป็นสัญญาณที่ควรติดตาม นอกจากนี้ปัญหาเชิงโครงสร้างของไทยทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว ขณะที่สินค้าไทยหลายรายการเริ่มไม่เป็นที่ต้องการของตลาด
นอกจากนี้การส่งออกของไทยยังขยายตัวได้แต่มีความเสี่ยงมากขึ้นจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ การ ส่งออกสินค้ามีแนวโน้มขยายตัวประมาณ 2-3% ในปีนี้ ตามการฟื้นตัวของประเทศตลาดเกิดใหม่และวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม ยังเผชิญความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์หลายปัจจัย ทั้ง 1) การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลายประเทศ ซึ่งอาจเกิดการปรับเปลี่ยนทางนโยบายสำคัญ 2)ผลกระทบจากสงครามที่ขยายวง โดยเฉพาะอิสราเอล-ฮามาสที่ส่งผลให้ค่าระวางเรือเพิ่ม และกระทบกับราคาพลังงาน และ 3)ปัญหาความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน และ 4) การแข่งขัน กับสินค้าจีนในประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้เป้าหมายของภาครัฐ ที่ต้องการให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศในปี 2567 ที่จำนวน 35 ล้านคน ซึ่งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศกว่า 3 ล้านคน สร้างเม็ดเงินกว่า 1.7 แสนล้านบาท ทำให้เกิดแรงหนุนทางเศรษฐกิจผ่านการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม กกร. มีความกังวลต่อความหนาแน่นของจำนวนนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวบางพื้นที่ เช่น ภูเก็ต จึงขอเสนอให้ภาครัฐช่วยจัดระเบียบ ช่วยส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้เกิดการท่องเที่ยวตามเมืองรองต่างๆ เพื่อลดความหนาแน่นและช่วยกระจายรายได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งควรกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เกิดการใช้จ่ายต่อหัวให้มากขึ้น
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยว่า ประเด็นข้อเสนอเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างต่อการพัฒนาประเทศ โดยอุตสาหกรรม ก่อสร้างสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม 2.6% ของ GDP ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมก่อสร้างยังมีความสำคัญในด้านการจ้างงานที่สำคัญ และมีสัดส่วนการจ้างงานมากกว่า 2 ล้านคน แต่ปัจจุบัน ปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างภาครัฐ ทำให้ภาคเอกชนไทยไม่สามารถแข่งขันได้เต็มศักยภาพและหลายส่วนยังต้องได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น การอ้างอิงราคาในอดีตไม่สะท้อนต้นทุนจริง เน้นราคาต่ำ กระบวนการการจัดชั้นและการคัดเลือกยังเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขัน การเบิกจ่ายเงินมีความล่าช้า ดังนั้นภาคเอกชนจึงมีข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาการจัด จ้างงานก่อสร้างภาครัฐ ดังนี้ 1.ปรับแนวคิดในกฎหมาย จากการเน้นประโยชน์หน่วยงานของรัฐ ไปสู่ประโยชน์สาธารณ2. ปรับการคำนวณราคาให้สะท้อนต้นทุนจริง 3.ปรับแบบสัญญาจัดจ้าง โดยการขอแก้ไขกฎหมาย และ แก้แบบสัญญา 4.กำหนดเงื่อนไขการคัดเลือกผู้รับเหมา โดยเสนอแก้ไขกฎหมาย ที่กำหนดเงื่อนไขในการ คัดเลือกผู้รับเหมาอย่างโปร่งใส 5.สร้างกลไกปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนได้เสียอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ กกร. ได้มีข้อเสนอเพิ่มเติมเพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างภาครัฐ อาทิ เช่น การใช้ Local Content ภายในประเทศ หรือวัสดุที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Made in Thailand และเครื่องหมาย รับรอง Green Product โดยจะมีการรวบรวมรายละเอียดและนำเสนอรัฐบาลให้พิจารณาต่อไป
#กกร #สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย #StockReview #BusinessLineandLife #ข่าวเศรษฐกิจ #ทิศทางเศรษฐกิจไทย67