บสย. หนุนนโยบายรัฐเปิดตัวโครงการค้ำประกันสินเชื่อPGS8 วงเงิน1.5 แสนลบ. พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันการเงิน18 แห่งเพิ่มสภาพคล่องเสริมโอกาสSMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนดันเศรษฐกิจโตต่อเนื่องมั่นใจยอดค้ำประกันสินเชื่อปีนี้โตตามเป้า1 แสนล้านบาท
นายสันติ พร้อมพัฒน์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่าเมื่อวันที่20 สิงหาคมที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี2562 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยให้สามารถดำรงชีพได้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวรวมถึงส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลคือการสร้างSMEs ให้เป็นกลไกหลักในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจส่งเสริมให้SMEs เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนสนับสนุนให้ชุมชนฐานรากเข้มแข็งโดยรัฐบาลได้ส่งเสริมและกระตุ้นให้มีการสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่และเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการไปพร้อมๆกันทั้งนี้การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการค้ำประกันสินเชื่อPortfolio Guarantee Scheme ระยะที่8 (PGS8) ที่ดำเนินการโดยบสย. จึงเป็นโครงการสำคัญภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่สนับสนุนผู้ประกอบการSMEs ทั่วประเทศให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องรวมถึงการลงทุนในอนาคตด้วย
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย ประธานกรรมการบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) เปิดเผยว่าบสย. ในฐานะหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการคลังซึ่งมีภารกิจหลักด้านการค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการSMEs ทุกกลุ่มเข้าถึงแหล่งเงินทุนล่าสุดบสย. ได้เปิดตัวโครงการค้ำประกันสินเชื่อใหม่วงเงินค้ำประกันสินเชื่อ150,000 ล้านบาทได้แก่โครงการค้ำประกันสินเชื่อPortfolio Guarantee Scheme ระยะที่8 (PGS 8) ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการSMEs ทุกกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อได้คล่องตัวขึ้น
สำหรับโครงการค้ำประกันสินเชื่อPGS8 จะช่วยเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการSMEs ทุกกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้คล่องตัวมากขึ้นลดการพึ่งพาเงินนอกระบบซึ่งSMEs ถือเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตอบโจทย์นโยบายรัฐบาลช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศและในวันนี้บสย. ยังร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันการเงินทั้ง18 แห่งซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น
ดร.รักษ์วรกิจโภคาทรกรรมการและผู้จัดการทั่วไปกล่าวว่าบสย. เป็นกลไกของรัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา28 ปีบสย. ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการSMEs ไปแล้วกว่า5 แสนรายคิดเป็นเม็ดเงินกว่า8 แสนล้านบาทสำหรับPGS8 บสย. มั่นใจว่าจะช่วยSMEs ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายเนื่องจากมีจุดเด่นหลายประการอาทิฟรีค่าธรรมเนียม2 ปี, วงเงินค้ำประกันต่อรายที่สูงขึ้นไม่เกิน100 ล้านบาทรวมทุกสถาบันการเงิน(เดิม40 ล้านบาท)
ทั้งนี้บสย. คาดว่าโครงการค้ำประกันสินเชื่อPGS8 จะช่วยSMEs ให้ได้รับสินเชื่อไม่ต่ำกว่า4.3 หมื่นรายก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินไม่ต่ำกว่า2.25 แสนล้านบาทและก่อเกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ6.87 แสนล้านบาทและขณะนี้บสย. พร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของSMEs ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและPGS8 จะช่วยให้SMEs ได้รับสินเชื่อเพียงพอต่อความต้องการช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ดร.รักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยมีผู้ประกอบการSMEs จำนวน5.2 ล้านรายแต่ที่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้จริงๆเพียง10% หรือ1.2 ล้านรายเท่านั้นที่เหลืออีกกว่า4 ล้านรายหากเราสามารถช่วยให้SMEs กลุ่มนี้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ก็จะส่งผลดีและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ บสย. จึงได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการค้ำประกันสินเชื่อPGS8 ร่วมกับสถาบันการเงิน18 แห่งได้แก่ธนาคารกรุงไทยจำกัด(มหาชน) ธนาคารออมสินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยธนาคารกรุงเทพจำกัด(มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด(มหาชน) ธนาคารกสิกรไทยจำกัด(มหาชน) ธนาคารธนชาตจำกัด(มหาชน) ธนาคารทหารไทยจำกัด(มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด(มหาชน) ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อยจำกัด(มหาชน) ธนาคารทิสโก้จำกัด(มหาชน) ธนาคารยูโอบีจำกัด(มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินจำกัด(มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยจำกัด(มหาชน) ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์จำกัด(มหาชน) โดยสถาบันการเงินจะเป็นผู้ให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการSMEs ที่ไม่มีหลักประกันหรือหลักประกันไม่เพียงพอและบสย.จะให้การค้ำประกันสินเชื่อนั้น
ทั้งนี้ผลจากการเปิดตัวโครงการค้ำประกันสินเชื่อPortfolio Guarantee Scheme ระยะที่8 (PGS8) บสย. มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันยอดค้ำประกันในปี2562 ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้1 แสนล้านบาท