บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) วิเคราะห์ SET เริ่มชะลอตัว ซึ่งคาดการณ์วันนี้ มีแนวโน้มชะลอตัวได้ต่อ เพื่อลดความร้อนแรงจากภาวะ overbought ของสัญญาณเทคนิค ด้านแนวรับอยู่ที่ 1405 และ 1398 จุด ตามลำดับ ส่วนการฟื้นตัวถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1415 และ 1420 จุด ตามลำดับ
ด้านกลยุทย์การลงทุน ช่วงสั้นมองการปรับขึ้นตลาดหุ้นโลกจะเริ่มชะลอตัวลง หลังตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ส่วนของตลาดหุ้นไทยคาดมีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากการทำ Window dressing การมีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน TESG และ RMF ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 และหาก SET ยืนเหนือ 1,400 อาจเห็นการทำ Short Covering ดังนั้นกลยุทธ์ ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” หุ้นเด็ดวันนี้ได้แก่ BBL และ ERW โดย
1) BBL เป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AA” ขณะที่คาด ผลประกอบการจะแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 4Q66 และปี 2567 หนุนจาก credit cost ที่ลดลง NIM ที่ขยายตัวดี และการเติบโตของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ทั้งยัง คาดได้รับประโยชน์มากสุดจากการย้ายฐานธุรกิจมายังอาเซียน
2) ERW เป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “A” คาดก าไร ปกติ 4Q66 เป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี โต YoY และ QoQ หนุนจากฤดูกาลท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งขึ้นและ ARR ที่เพิ่มขึ้น ส่วนกลยุทธ์การเติบโตระยะยาว จะมุ่งเน้นกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ท HOP INN แต่จะขยายไปในต่างประเทศมากขึ้น
นอกจากนี้ในประเด็นช่วงสั้นมอง SET มีปัจจัยหนุนจากการทำ Window dressing หาก SET ยืนเหนือ 1,400 อาจเห็นการทำ Short Covering โดยหุ้นที่ที่มีโอกาสได้รับผลบวก ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน TESG ซึ่งได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ (I) ได้ ESG Rating ตั้งแต่ “A”-“AAA” และราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่า SET YTD เลือก OR AOT หรือ (II) ได้ ESG Rating “AAA” และราคาหุ้นปรับขึ้นดีกว่า SET YTD อีกทั้งผลด าเนินงานแข็งแก0ร่ง และคาดให้ Div. Yield สูงกว่าปีละ 5% เลือก PTT KTB
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรปรับลดลงได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (BJC CPALL CPAXT), การแพทย์ (BDMS BCH), โรงไฟฟ้า (GULF), REIT (DIF), อสังหาฯ (AP) และ Consumer Finance (TIDLOR)
3) หุ้นที่อาจได้แรงหนุนจากการทำ Short Covering มากกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายตั้งแต่เดือน ก.ย. เป็นต้นมา และแนะนำซื้อ ได้แก่ ADVANC MINT
4) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ E-Receipt ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 5 หมื่นบาท เริ่มในวันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 2567 ได้แก่ CRC HMPRO
ช่วงสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบลบอย่างมีนัยยะจากแผนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปี 2567 ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA) ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวัง หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่ม ยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
#สรุปภาวะการลงทุน #SET #StockReview #BusinessLineandLife #ข่าวการลงทุน #ข่าวหุ้น #สรุปสภาวะตลาด #อินโนเวสท์เอกซ์ #InnovestX