“บลจ.ดาโอ” มองวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ถึงจุดสูงสุดแล้ว และปีหน้าจะเป็นปีที่ธนาคารกลางหลักเริ่มลดดอกเบี้ย การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายขึ้นจะช่วยหนุน sentiment การลงทุน และมองเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในตลาดหุ้นทั่วโลก ทางบลจ.ดาโอ เปิดเสนอขาย ‘กองทุนเปิด ดาโอ แคปปิตอล แอปพรีชีเอชั่นสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป (DCAF-R)’ ระหว่างวันที่ 15-21 ธ.ค. 2566 ชูกลยุทธ์การบริหารพอร์ตแบบ Dynamic-Active และการคัดเลือกหุ้นเด่นทั่วโลก โดยมีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตการลงทุนตามความเหมาะสมของสภาวะตลาด จับจังหวะการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว”
คุณนิสารัตน์ ชมภูพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด หรือ บลจ.ดาโอ (DAOL INVESTMENT MANAGEMENT) เปิดเผยว่า ท่ามกลางความผันผวนของตลาด และยังมีความเสี่ยงที่ว่าเศรษฐกิจในปีหน้าอาจจะชะลอตัวลงจากปีนี้ การบริหารพอร์ตจึงต้องเน้นการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ดี มีคุณภาพเป็นสำคัญ บลจ.ดาโอ จึงขอแนะนำ กองทุนเปิด ดาโอ แคปปิตอล แอปพรีชีเอชั่น สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป(DCAF-R) ส่งท้ายปี 2566 เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีตามสถานการณ์เศรษฐกิจและสภาวะตลาดในปีหน้า
เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงในปีหน้า แต่เป็นลักษณะการเติบโตของ GDP ที่ลดลงแต่ไม่ติดลบและไม่น่าจะรุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) โดย IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2023 จะเติบโตได้ที่ 3.0% และลดลงมาอยู่ที่ 2.9% ในปี 2024
ภายใต้ภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจึงลดแรงกดดันต่อธนาคารกลางที่จะดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ คาดว่าธนาคารกลางต่างๆ จะเริ่มลดดอกเบี้ยในปีหน้า การที่นโยบายการเงินผ่อนคลายขึ้นจะช่วยหนุน Sentiment การลงทุน โดยมองว่าหากดอกเบี้ยนโยบายลดลง อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรปรับตัวลดลง น่าจะส่งผลทีดีขึ้นต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน และ valuation มีโอกาสที่จะเห็น PE multiple ของตลาดหุ้นได้รับการ Rerating ได้ในแง่กำไรของบริษัทจดทะเบียน เริ่มเห็น Global economic surprise index กลับมาอยู่ในแดนบวก และกำไรของบริษัทจดทะเบียนโลกในระยะ 12 เดือนข้างหน้าได้รับการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นมีความน่าสนใจ
ด้วยภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มดังกล่าวทำให้ กองทุนเปิด ดาโอ แคปปิตอล แอปพรีชีเอชั่น สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป(DCAF-R) เปิดเสนอขาย IPO วันที่ 15-21 ธ.ค. 2566 (ความเสี่ยงระดับ 6 : ความเสี่ยงสูง) มีความน่าสนใจ ด้วยกระบวนการลงทุน ที่ใช้การวิเคราะห์แบบ Top down พิจารณาปัจจัยด้านเศรษฐกิจ มหภาค เช่น แนวโน้มอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ นโยบายการเงิน นโยบายการคลัง อัตราเงินเฟ้อ รวมไปถึงปัจจัยด้านความเหมาะสมของระดับราคา (Valuation) ของตลาดแต่ละประเทศ และกลุ่มอุตสาหกรรมและการวิเคราะห์แบบ Bottom up โดยพิจารณาปัจจัยพื้นฐานรอบด้าน เช่น รูปแบบการดําเนินธุรกิจ (Business Model) ความสามารถในการทำกําไรและรายได้ (Profitability) ความสามารถในการแข่งขัน (Competitive advantage) บริษัทมีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว (Sustainability) ความเป็นผู้นำในด้านตราสินค้า (Brand Value) ความสามารถของผู้บริหาร อัตราส่วนทางการเงิน รวมไปถึง Valuation เป็นต้น ประกอบการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ/หรือมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระดับสูง
นอกจากนี้กองทุนมีจุดเด่นจากกลยุทธ์การลงทุนแบบยืดหยุ่นที่จัดสรรพอร์ตลงทุนระยะยาวและแสวงหาโอกาสในการลงทุนระยะสั้น มีการบริหารพอร์ตแบบ Active Asset Allocation โดยลงทุนในตราสารทุน และ/หรือ ETF ไม่น้อยกว่า 80% และสามารถลงทุนในตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือกไม่เกิน 20% เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของภาพรวมเศรษฐกิจมหภาค (Global Macro Economic) และ Financial Trend ของตลาดทั้งระยะสั้น และระยะยาว
“ด้วยภายใต้ปัจจัยกดดันที่ลดลง แต่ยังมีความเสี่ยงจากการเติบโตของเศรษฐกิจ สภาพคล่องในระบบที่ลดลงและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ กองทุนจึงเน้นเลือกลงทุน ‘กลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการที่ดอกเบี้ยปรับลดลง’ ได้แก่ กลุ่มTechnology, Consumer Discretionary, Communication Services และ‘กลุ่มหุ้นที่มีความต้านทานต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง’ ได้แก่ กลุ่ม Healthcare, Consumer Staple ซึ่งเป็การลงทุนที่บลจ.ดาโอ แนะนำผ่านกองทุนเปิด DCAF-R เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในทุกภาวะตลาด” คุณนิสารัตน์ กล่าว
ดูข้อมูลกองทุน DCAF-R เพิ่มเติม: https://www.daolinvestment.co.th/mutual-fund/equity-fund/dcaf-r
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมพร้อมรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
ดาโอ จำกัด (“บลจ.ดาโอ”) โทรศัพท์ 02-351-1800 กด 2