SCGD เจ้าของธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและธุรกิจสุขภัณฑ์ รุกตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจ


 SCGD ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร

 SCGD เป็นบริษัทที่เป็นแกนนำของ SCG ณ ปัจจุบัน ถือหุ้น 100% ก่อนปรับโครงสร้างและจะมีธุรกิจภายใต้ 2 ธุรกิจหลักๆ คือ ธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและธุรกิจสุขภัณฑ์ มีบริษัทภายใต้ SCG decor ทั้งหมด 5 บริษัทหลัก ได้แก่ บริษัท เอซีจี เซรามิก ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัท สยามแวร์ กรุ๊ป จะทำธุรกิจสุขภัณฑ์ในเมืองไทย เรายังมี Prime Group ที่ประเทศเวียดนาม  Mariwasa ที่ประเทศฟิลิปปินส์ และ Kia ที่ประเทศอินโดนิเซีย ซึ่งหลังจากการปรับโครงสร้างเราจะมีการเชิญผู้ถือหุ้น COTTO ปัจจุบันนี้ที่อยู่ในตลาด มาถือ SCG decor นอกจากนั้นเองเราได้มีการออกหุ้น IPO อีกส่วนหนึ่งด้วย  ภายหลังปรับโครงสร้างก็จะเป็น SCG decor จากเดิมที่ SCG ถือ 100% ก็จะลดลงจะมีผู้ถือหุ้นทั่วไปของ COTTO เข้ามาถือหุ้น และก็มีออก IPO ใหม่ ซึ่งก็จะเป็นเจ้าของทั้ง 5 บริษัทอยู่ภายใต้ SCG decor ครับ

 

  กลุ่มลูกค้าของ SCGD

กลุ่มลูกค้าของ SCGD เราโฟกัสตลาดในอาเซียนเป็นหลัก เพราะว่าเรามีฐานการผลิตและฐานการตลาดอยู่ในอาเซียนครับ กลุ่มลูกค้าทั้งธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ เราเจาะทุกกลุ่ม เพราะฉะนั้นโปรดักส์เราค่อนข้างที่จะหลากหลาย แล้วก็ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ของตลาด แบรนด์บนเราก็มีอาเซียนแบรนด์เราจะใช้ COTTO เป็นหลัก เราจะมี Local Brand ที่แต่ละประเทศ ซึ่งก็เข้มแข็งทุกประเทศที่เราอยู่ เราก็จะมีชาแนลแบรนด์ต่างๆ เพราะฉะนั้นเราเจาะทุกตลาดทุกเซกเมนต์ครับ


สัดส่วนรายได้ของ SCGD

 ถ้ามองในมุมของประเทศนะครับ เนื่องจากเราเข้มแข็งที่เมืองไทยทั้ง 2 ธุรกิจ ทั้งตกแต่งพื้นผิวและธุรกิจสุขภัณฑ์  ปัจจุบันนี้เมืองไทยยัง contribute อยู่ 60% เวียดนามประมาณ 25% แล้วก็ที่เหลือประมาณ 15% คือฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซีย ถ้ามองในแง่ธุรกิจเป็นตกแต่งพื้นผิวธุรกิจสุขภัณฑ์ ปัจจุบันธุรกิจตกแต่งพื้นผิวประมาณ 80% ธุรกิจสุขภัณฑ์ประมาณ 16-17% เพราะฉะนั้นตรงนี้ยังมีโอกาสขยายไปได้อีกมากในอนาคตครับ

 

แนวโน้มการเติบโต SCGD ในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

            ต้องบอกก่อนว่าเมืองไทยยังคงเติบโตได้แต่จะไม่มากเหมือนในอดีต เราสังเกตได้จาก GDP เนื่องจากเราเข้าสู่เป็นสังคมเป็น Aging นะครับ ยังเติบโตได้แต่มันจะไม่มากเท่าเหมือนในอดีต แต่ถ้าดูเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ประชากรยังคงเป็นวัยหนุ่มวัยสาวเพราะว่าโครงสร้างประชากรเขายังอยู่ในเชฟที่ค่อนข้างดี เพราะฉะนั้นวัยหนุ่มวัยสาวเยอะ ความต้องการบ้านที่อยู่อาศัย ผลิตภัณฑ์ของ SCG decor จึงเติบโตได้ค่อนข้างมาก เหมือนกับเมืองไทยในช่วง 15-20 ปี ที่ผ่านมาเพราะฉะนั้น มั่นใจว่ายังไงตลาดภายนอกเมืองไทย หรือในอาเซียนยังมีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ แล้วก็มากกว่าเมืองไทย ส่วนประเทศที่เติบโตได้ดีจากข้อมูลทางบริษัท คือประเทศเวียดนามจะเป็นมีโอกาสการเติบโตได้มากที่สุด ตามมาด้วยอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ครับ

#SCG #SCGdecor #StockReview #BusinessLineansLife #บทสัมภาษณ์พิเศษ