ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวผ่านสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เข้าจับกุมชายไทย พร้อมของกลาง ตราประทับของโรงพยาบาลรัฐและเอกชน 17 อัน ใบรับรองแพทย์โรงพยาบาลต่าง ๆ 95 ฉบับ คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง ภายในมีไฟล์แบบฟอร์มใบรับรองแพทย์โรงพยาบาลต่าง ๆ 65 แห่ง ทั่วประเทศเครื่องปริ๊นเตอร์ 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และสติ๊กเกอร์ EMS ไปรษณีย์ไทย 2 เล่ม เพื่อจัดทำใบรับรองแพทย์ปลอม นำไปใช้ทำธุรกรรมทางราชการต่างๆ ในราคาใบละ 1,000 บาท และใบรับรองแพทย์ปลอม ในกรณีลูกค้าต้องการลางาน รวมถึงใบรับรองแพทย์ปลอมเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ราคาใบละ 800 บาท ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่ามีการทำใบรับรองแพทย์เกี่ยวกับโรคโควิด-19 โดยได้ส่งไปให้ลูกค้าแล้วจำนวน 4 ใบ และอยู่ระหว่างการส่งให้ลูกค้าอีก 6 ใบ นั้นเลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทีมเฉพาะกิจ เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยให้แก่ประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เร่งตรวจสอบข้อมูลและบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการกระทำของบุคคลดังกล่าว นอกจากอาจเข้าข่ายกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารแล้ว ยังอาจเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานฉ้อฉลประกันภัย ตามมาตรา 114/4 แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 และมาตรา 108/4 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดเรียกร้องผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยทุจริตหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการเรียกร้อง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยหากพิสูจน์ได้ว่า ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ หรือบุคคลใด เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยโดยทุจริตมีการนำใบรับรองแพทย์ปลอมไปใช้เรียกร้องให้บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ อันเข้าลักษณะเป็นการฉ้อฉลการประกันภัย จะมีความผิดต้องรับโทษตามบทบัญญัติดังกล่าว นอกจากนี้หากปรากฏว่า ผู้ทำใบรับรองแพทย์ปลอมเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ส่งใบรับรองแพทย์ดังกล่าวให้ผู้อื่นนำไปเคลมเงินเอาประกันภัยก็จะมีความผิดฐานช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยทุจริต ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับเช่นกัน ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้กำชับให้บริษัทประกันภัยตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะความถูกต้องของใบรับรองแพทย์ตามข่าว รวมถึงได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์บูรณาการร่วมกับสายกฎหมายและคดี ติดตามและตรวจสอบขบวนการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อเนื่องตามสัญญาประกันภัย
“การเจตนา จงใจ ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เพื่อหวังเงินประกันภัยโควิด-19 ไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะนอกจากบริษัทประกันภัยจะอ้างเหตุไม่จ่ายเงินเอาประกันภัยแล้ว หากการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายเป็นการฉ้อฉลการประกันภัย ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษทางอาญาทั้งจำคุกและ/หรือปรับอีกด้วย จึงขอเตือนไม่ให้มีการกระทำผิดดังกล่าว แต่สำหรับผู้ที่ใช้สิทธิโดยสุจริตไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น เพราะสำนักงานคปภ. จะคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยของท่านอย่างเต็มที่” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย