อว. แกะกล่องเปิดกลไกการเงินรูปแบบใหม่ ทุ่มงบ 100 ลบ. เชื่อมเงินทุนภาครัฐ-เอกชน ดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น "ประเทศแห่งนวัตกรรม“
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยว่า กระทรวงอว. ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรม และเชื่อมั่นว่าการที่นวัตกรรมจะเดินหน้าอย่างก้าวกระโดดนั้นต้องอาศัยความเข้มแข็งของภาคเอกชนโดยมีภาครัฐเป็นกองหนุนที่สำคัญ จึงนับเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นความร่วมมือของ NIA และสำนักงานปลัดกระทรวง อว. (สป.อว.) โดย TED Fund ในการพัฒนากลไกการเงินรูปแบบใหม่ นั่นคือ "กลไกการสนับสนุนเงินทุนอุดหนุนสมทบสำหรับผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากความร่วมมือของแหล่งทุนภาครัฐและเอกชน" ซึ่งเป็นกลไกการเงินแห่งแรกที่เชื่อมต่อแหล่งเงินทุนของภาครัฐและเอกชน เพื่อเร่งธุรกิจนวัตกรรมไทยให้สามารถขยายผลเชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็น รูปธรรม โดยมีงบทุนอุดหนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนรวมกว่า 200 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างให้เกิดมูลค่าของธุรกิจนวัตกรรมกว่า 1,000 ล้านบาท ผ่าน 3 แนวทาง ได้แก่ 1) เร่งการเติบโตในการลงทุนทางนวัตกรรมเชื่อมกับการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย 2) กระตุ้นกิจกรรมด้านการลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมจากตลาดทุนทางเทคโนโลยี และ 3) เพิ่มจำนวนวิสาหกิจฐานนวัตกรรมที่พร้อมเข้าสู่แหล่งเงินทุนจากภาคเอกชนเพื่อการปฏิรูปโครงสร้างทางธุรกิจ โดยมุ่งสนับสนุนให้ประเทศไทยมีการสร้างสรรค์ พัฒนา ต่อยอด "ธุรกิจนวัตกรรม" ที่สร้างคุณค่าและประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยังยื่น ส่งผลต่อการผลักดันอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก (GIl) ของประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น "ประเทศแห่งนวัตกรรม" ต่อไป
นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวง อว. และประธานกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม เผยว่า โครงการ TED Matching Fund ดำเนินการขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการบนฐานเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มจำนวนผู้ประกอบธุรกิจรุ่นใหม่ในประเทศ ตลอดจนเป็นตัวเร่งสำคัญที่จะเพิ่มปริมาณการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และร่วมมือกับภาคเอกชนในการร่วมลงทุน ช่วยเสริมความแข็งแกร่งกลไกของทุนนี้ พร้อมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยฐานนวัตกรรม ในปีงบประมาณ 2567 นี้ TED Fund จะร่วมสนับสนุนทุนอุดหนุนสมทบกำหนดเงื่อนไขการส่งคืนเมื่อโครงการประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ (Recoverable Grant) ซึ่งการสนับสนุนจากฝั่งภาครัฐนั้นสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อโครงการ โดยงบประมาณการร่วมลงทุนจากภาครัฐจะมาจาก 2 หน่วยงาน คือ TED Fund (5 ล้านบาท) และ NIA (5 ล้านบาท) ภายใต้เงื่อนไขว่าผู้ที่จะขอรับการสนับสนุนทุนจะต้องได้รับการร่วมลงทุนและการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากผู้ร่วมลงทุนภาคเอกชนที่ขึ้นทะเบียนกับ "TED Fund" เป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ ซึ่งผู้ขอรับทุนจะมีระยะเวลาการดำเนินโครงการไม่เกิน 5 ปี และเมื่อดำเนินโครงการประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ตามตัวชี้วัดของโครงการที่วางไว้ ผู้รับทุนต้องส่งคืนเงินตามมูลค่าที่ได้รับการสนับสนุนให้ TED Fund พร้อมดอกเบี้ย (ไม่เกินร้อยละ 5) เพื่อนำไปสนับสนุนผู้ประกอบการรายอื่นต่อไป"
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการ NA กล่าวว่า "จาก 6 ความท้าทายในการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทย ได้แก่ 1) สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่ซับซ้อนและไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจ 2) กลุ่มผู้มีความสามารถยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะสาขาเทคโนโลยีเกิดใหม่ 3) กรอบความคิดทางธุรกิจนวัตกรรมที่สนใจทำธุรกิจนวัตกรรมแต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น 4) โครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการเกิดธุรกิจนวัตกรรมเข้าถึงยากและไม่เพียงพอ 5) การสนับสนุนจากรัฐบาลไม่สอดคล้อง ต่อเนื่องกัน และ 6) การเข้าถึงเงินทุนโดยเฉพาะเงินทุนระยะเริ่มต้นและระยะเติบโตสำหรับสตาร์ทอัพไทยมีจำกัด
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สนใจขอรับการสนับสนุนทุนในโครงการ TED Matching Fund สามารถติดตามประกาศข่าวสารการเปิดรับสมัครได้ที่ www.tedfund.mhesi.go.th หรือไลน์ OA: @tedfund หรือโทรศัพท์ 02 333 3700 ต่อ 4072 - 4075