ตลท. ยกระดับดูแลกระบวนการช้อตเซล ดึงมืออาชีพไทย-ต่างชาติ ตั้งคณะทำงานคุมNaked Short Sell -Program Trading คุมเข้มกระบวนการช้อตเซล ให้มีความเท่าเทียม เขย่าบัญชี Omnibus ให้สมาชิกชี้แจงช้อตเซลภายใน 15 วัน
นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร แถลงข่าว “แนวทางการยกระดับการกำกับดูแลเพิ่มเติม” โดยตลท.นำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำมาพิจารณาปรับปรุง โดยวันนี้เราได้มีการยกระดับการกำกับดูแลเพิ่มเติมดังนี้
1. ตลท.ขอความร่วมมือกับก.ล.ต. รายการที่มีลักษณะ Naked Shortsell ที่ผ่านมาดำเนินการร่วมกันให้ช่วยตรวจสอบดูแลในส่วนนี้
2. ตลท.ได้ส่งหนังสือเวียน กำชับ ให้กับบริษัทสมาชิกและที่ไม่ใช่สมาชิก และcustodian ที่เกี่ยวข้องกับผู้ลงทุนต่างประเทศ เน้นย้ำว่า การทำช้อตเซลลิ่งต้องเป็นไปตามที่ตลท.กำหนด คือ การดำเนินการขายช้อตต้องมีหุ้นในครอบครอง
3. ยกระดับการตรวจสอบ บัญชี omnibus account คือบัญชีที่ไม่ทราบปลายทางโดยตรง ด้วยอำนาจของเราไม่เพียงพอจึงต้องประสานงานไปที่ ก.ล.ต. เพื่อให้ทราบถึงผู้รับปลายทางที่แท้จริงที่เข้ามาทำธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์
“ส่วนที่ทำเพิ่มเติมหากมีธุรกรรมช้อตเซลผ่าน omnibus account เป็นบัญชีที่มีหลาย ๆ คนรวมอยู่ภายใต้บัญชีเดียวกัน ซึ่งทางปฏิบัติให้บริษัทสมาชิกส่งรายละเอียดว่า ใครเป็น End beneficiary owner ของ บัญชี Omnibus Account เค้ามีหุ้นครอบครองแค่ไหน ที่ผ่านมาพบปัญหาการเข้าไปตรวจสอบ ตลท.ได้กำหนดปฏิบัติ หากสมาชิกไม่สามารถส่งหลักฐานมาตรวจสอบก่อนสั่งขายภายใน 15 วัน ตลท.จะสันนิษฐานก่อนว่า เป็น naked shortsell จะดำเนินการทางวินัยต่อไปเพื่อให้มั่นใจกระบวนการขายช้อต” นายรองรักษ์ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับส่วนเพิ่มเติมสิ่งที่ต้องดำเนินการ omnibus account ตลท. ขอให้สมาชิกชี้แจงเพิ่มเติมตรงนี้คือ ให้เวลา 15 วันส่งข้อมูลมาพิสูจน์ แม้ว่าปัจจุบันมีสัดส่วนไม่เยอะ แต่เพื่อให้การตรวจสอบอย่างเข้มข้นและมีความมั่นใจมากขึ้นกับทางบริษัทสมาชิก
4.พิจารณาเรื่องความเท่าเทียม ด้านการซื้อขายผ่านโปรแกรมเทรดดิ้ง และไม่ผ่านโปรแกรม จำแนกตามกลุ่มต่าง ๆ นักลงทุน สถาบัน รายย่อยและต่างประเทศ จะมีการทบทวนศึกษาเทียบเคียงกับต่างประเทศว่าดูแลตรงส่วนนี้อย่างไร เพื่อจะทำเพิ่มเติมให้ดูแลดีขึ้น
5. การตั้งคณะทำงานพิเศษ External Investigator ให้เข้ามาตรวจสอบการทำงานของตลท.ในการดูแล Naked Shortsale และโปรแกรมเทรดดิ้ง โดยตลท.จะเชิญผู้แทนจาก ก.ล.ต. และผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก เบื้องต้น Nasdaq และ Korean Exchange (KRX) ให้เข้ามาร่วมอยู่ในคณะทำงาน ช่วยกันพิจารณาและเสนอแนะ ปรับปรุงทำให้ดีขึ้นอีก ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับพันธมิตรต่างประเทศ ตั้งใจจะทำโดยเร็ว ต้องดูความพร้อมของพันธมิตรก่อน โดยทั้งหมดที่่กล่าวมาเพื่อให้เกิดความมั่นใจและคำแนะนำกับตลาดหลักทรัพย์ ฯ
นายรองรักษ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อวานก.ล.ต.ได้กำชับและมีข้อเสนอแนะให้กับ ตลท. เรื่องของการปรับเกณฑ์ Zero plus tick เป็น uptick rule ตลท.จึงเรียกประชุมคณะกรรมการ ว่า เรามีความจำเป็นต้องพิจารณา มีการหารือและที่ประชุมมีความเห็นว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลท. 2-3 เดือนที่ผ่านมาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ผิดปรกติ ทั้งในสัดส่วนการขาย เราก็ดูเศรษฐกิจปัจจัยด้าน จีดีพี ก็เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ และด้วยสถานการณืที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเหตุผิดปรกติหรือผลกระทบดัชนีตลท. แต่มองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงจากภาวะเศรษฐกิจของไทย และโลก กระทบทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยมองว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการชั่วคราวหรือพิเศษกับช้อตเซลแต่อย่างใดในสถานการณ์ปัจจุบัน