ก.ล.ต. ผนึกกำลังตลาดทุน ชี้ช่องทาง "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" แจ้งเบาะแสโทร 1207 กด 22

ก.ล.ต. ผนึกกำลังตลาดทุน ชี้ช่องทาง "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" แจ้งเบาะแสโทร 1207 กด 22 ย้ำชัดเดินหน้าปิดบัญชีแล้วกว่าร้อยบัญชี และเตือนภัยมิจฉาชีพกว่า 265 ราย

นางพรอนงค์ บุราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า "ก.ล.ต. ตระหนักถึงปัญหาภัยกลโกงในตลาดทุน ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ประชาชนและผู้ลงทุน โดยที่ผ่านมาได้เสริมสร้างความรู้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นกลไกในการปกป้องตนเองจากมิจฉาชีพ ซึ่งถือเป็นภารกิจหนึ่งที่สำคัญของ ก.ล.ต. ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน พร้อมเดินหน้าเชิงรุกด้วยการเปิดช่องทาง "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานพันธมิตรแจ้งเบาะแสโดยตรงโดย ก.ล.ต. จะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไปโดยเร็ว เพื่อช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพและจำกัดความเสียหายไม่ให้กระจายออกไปสู่วงกว้าง"


เนื่องจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เล็งเห็นความสำคัญในการรับแจ้งเบาะแสการหลอกลวงในตลาดทุนจากประชาชนได้โดยตรงในครั้งนี้ จึงได้ผนึกกำลังพันธมิตรในตลาดทุนร่วมแจ้งเบาะแส พร้อมกับเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เตือนภัยหลอกลงทุนในช่องทางต่าง ๆ  และประสานความร่วมมือกับศูนย์  Anti Online Scam Operation Center (AOC) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมอีกด้วย มุ่งเป้าเร่งปิดบัญชีม้า 


ทาง ก.ล.ต. จึงเปิดให้มีช่องทาง "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" เพื่อให้เป็นช่องทางในการรับแจ้งเบาะแสการหลอกลงทุนโดยตรง โทร 1207 กด 22 หรือแจ้งผ่านระบบรับแจ้งบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. (www.sec.or.th/scamalert) หรืออีเมล scamalert@sec.or.th 


โดย ก.ล.ต. จะเร่งดำเนินการตรวจสอบเบาะแสที่ได้รับและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปิดกั้นเนื้อหาหรือช่องทางการหลอกลงทุน โดยจะประสานกับ Meta (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram รวมทั้งประสาน LINE (ประเทศไทย) เพื่อปิดกั้นช่องทางของมิจฉาชีพในแพลตฟอร์ม ดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นกับประชาชน 


นางอำไพ จิตรแจ่มใส ผู้ช่วยปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า "กระทรวงดิจิทัลฯ ได้เปิดตัว ศูนย์ Anti Online Scam Operation Center หรือศูนย์ AOC เพื่อเป็นศูนย์ในการบูรณาการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์แบบครบวงจร เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะปิดบัญชีม้าหรือ บัญชีเงินฝากที่คนร้ายใช้รับเงินให้ได้โดยไว เพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน และพร้อมให้ความ ร่วมมือในการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับ ก.ล.ต."


นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า "การเปิดช่องทาง "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" ของ ก.ล.ต. นั้น สอดรับกับการเปิดศูนย์ AOC 1441 ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้มีการบูรณาการในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ให้บริการแบบ one stop service แก่ประชาชนรวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับภัยออนไลน์ โดยมีเป้าหมายในการระงับและอายัดบัญชีของคนร้ายให้ทันท่วงที่รวมทั้งผู้เสียหายยังสามารถติดตามสถานะการแก้ไขปัญหาได้ในทุกขั้นตอน"


นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า "การเปิดสายด่วนแจ้งหลอกลงทุนในครั้งนี้จะช่วยสะกัดกั้นการหลอกลวงประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งภาคธุรกิจในตลาดทุนพร้อมให้ความร่วมมือกับ ก.ล.ต. โดยจะร่วมแจ้งเบาะแส ทันทีเมื่อพบการแอบอ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพและลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายจากการถูกหลอกลงทุน"

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวในฐานะผู้ร่วมริเริ่มโครงการ "ร่วมมือ-จับปลอมหลอกลงทุน" กับพันธมิตรว่า "ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตรได้บูรณาการความ ร่วมมือในหลายด้าน รวมทั้งสื่อสารเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง การที่ ก.ล.ต. ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุน จัดให้มีสายด่วนแจ้งหลอกลงทุนจะเป็นช่องทางให้ประชาชน ผู้ลงทุน และองค์กรต่าง ๆ ร่วมกันแจ้งเบาะแสหลอกลงทุนในตลาดทุน เพื่อตัดวงจรการหลอกลวงของมิจฉาชีพเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น"


นางสาวอิง ศิริกุลบดี ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำ Facebook ประเทศไทยจาก Meta กล่าวว่า "ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Meta ได้ร่วมทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรหลายภาคส่วนและขยายกรอบความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในหลาย ๆ เรื่องรวมถึงการรับมือปัญหาภัยหลอกลวงบนโลกออนไลน์ ทั้งทางด้านการรายงานเนื้อหาและการสร้าง  การตระหนักรู้และแคมเปญให้ความรู้เพื่อให้ผู้คนสามารถรู้เท่าทันกลลวง ในโอกาสนี้ เรามีความยินดีที่ได้เป็นพันธมิตร กับ ก.ล.ต. เพื่อร่วมกันรับมือกับปัญหาเร่งด่วนนี้ซึ่งเป็นปัญหาร่วมของอุตสาหกรรมและในสังคมยุคดิจิทัลปัจจุบัน"


สำหรับสถิติการรับแจ้งเบาะแสจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ 1 มกราคม - 31 ตุลาคม 2566 ก.ล.ต. ได้ดำเนินการเพื่อเป็นการป้องปรามอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ (1) ขึ้นเตือนบนหน้าเว็บไซต์ ก.ล.ต. ในหัวข้อ Investor Alert เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบรายชื่อ จำนวน 265 ราย (2) ประสานศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti-Fake News Center Thailand) กระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อออกข่าวแจ้งเตือนประชาชน จำนวน 90 กรณี (3) ด้านการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานเกี่ยวกับการหลอกลงทุนที่แอบอ้างชื่อ/โลโก้ หรือภาพผู้บริหารของ ก.ล.ต. มีจำนวน 10 กรณี (4) การดำเนินการส่งเรื่องให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายภายใต้ พ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 กรณีอ้างผลตอบแทนสูง จำนวน 163 รายและ (5) ดำเนินการส่งเรื่องให้กระทรวงดิจิทัลฯ พิจารณาดำเนินการ จำนวน 85 กรณี


ทั้งนี้ ก.ล.ต. ขอย้ำให้ประชาชนระมัดระวังเมื่อถูกชักชวนลงทุน หากมีข้อสงสัยว่าเป็นบุคคล ผลิตภัณฑ์ หรือบริษัท ที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ "สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน" เพื่อตรวจสอบข้อมูลและดำเนินการ ต่อไป นอกจากนี้ยังตรวจสอบข้อมูลด้วยตัวเองได้ทันทีที่ ww.secor.th/seccheckfirst หรือติดตั้งแอปพลิเคชัน SEC Check First หรือติดต่อสอบถามข้อมูลที่สายด่วนได้เช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในการหลอกลวงลงทุนในตลาดทุน

#กลต #สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน #1207กด22

#StockReview #BusinessLineandLife #ข่าวธุรกิจ #ข่าวประจำวัน