‘เงินเทอร์โบ’ ยื่นแบบไฟลิ่งเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 537 ล้านหุ้น เข้าระดมทุนใน SET
ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ระยะยาวก้าวสู่ผู้ให้บริการทางการเงินรายย่อยชั้นนำของประเทศ
บมจ.เงินเทอร์โบ หรือ TURBO ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้น IPO
จำนวนไม่เกิน 537,000,000 หุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(SET) เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ระยะยาวก้าวสู่ผู้ให้บริการทางการเงินกับลูกค้ารายย่อยชั้นนำของประเทศ
นายสุธัช เรืองสุทธิภาพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ
จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “เงินเทอร์โบ”) เปิดเผยว่า เงินเทอร์โบเป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์หรือสามารถเข้าถึงแต่ได้รับบริการไม่ครบถ้วน
ภายใต้ความต้องการที่จะเห็นผู้คนในทุกๆ ชุมชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการทางการเงินที่มีความน่าเชื่อถือ
มีความสมเหตุสมผลที่เข้าใจวิถีชีวิตของคนในชุมชนอย่างแท้จริง โดยในปัจจุบันเงินเทอร์โบ
แบ่งการให้บริการออกเป็น 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อ และ ธุรกิจนายหน้าประกันภัย
ทั้งนี้ เงินเทอร์โบก่อตั้งในช่วงปลายปี 2560 โดยเริ่มต้นกิจการในฐานะ
Startup เล็กๆ มีทีมงานในวันแรกเพียง
4 คน ทำงานในห้องเช่าซึ่งเดิมเป็นร้านอาหารขนาดไม่ถึง 100 ตารางเมตร เติบโตจนในปัจจุบันจนมีทีมงานคนรุ่นใหม่กว่า
2,300 คน สำนักงานใหญ่มีพื้นที่กว่า 9,950 ตารางเมตร บนที่ดินกว่า 14 ไร่ ให้บริการผ่านเครือข่ายสาขา
892 สาขา กระจายอยู่ในพื้นที่ 52 จังหวัดทั่วประเทศ โดยกลุ่มธนาคารกสิกรไทยได้เข้ามาลงทุนเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ
2 ในช่วงปลายปี 2565
จากการที่ลงทุนในเทคโนโลยีของตนเองอย่างต่อเนื่องแบบ
Cloud Native เพื่อยกระดับการให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้ารายย่อย
ทำให้ภายในระยะเวลาเพียง 6 ปี เงินเทอร์โบสามารถเติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในผู้เล่นแถวหน้าในอุตสาหกรรม โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 เงินเทอร์โบมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น
10,598 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมที่ ร้อยละ
51.3 ต่อปี และ สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,088 ล้านบาท
หากคิดเป็นรายได้เต็มปีและเทียบกับปี 2563 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมที่ ร้อยละ
46.1 นอกจากนี้ ธุรกิจนายหน้าประกันภัยก็ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้กว่า
121 ล้านบาท สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2566
หากคิดเป็นรายได้เต็มปีและเทียบกับปี 2563 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมที่ร้อยละ
63.5 ต่อปี การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่เงินเทอร์โบสามารถให้บริการทางการเงินที่ง่าย
รวดเร็ว และ สะดวก โดยส่วนใหญ่ลูกค้าจะได้รับอนุมัติสินเชื่อและได้รับเงินภายในวัน
อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่มีใบอนุญาตให้คำปรึกษาด้านประกันภัยประจำอยู่ที่สาขา เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการทางการเงินที่ครบถ้วน
นอกจากนี้ เงินเทอร์โบยังให้ความสำคัญกับระบบเทคโนโลยี
โดยมีทีมเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้เงินเทอร์โบ สามารถนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ภายในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
และสร้างขีดจำกัดใหม่ในการทำงานตลอดเวลา เพื่อให้มั่นใจได้ว่า เงินเทอร์โบจะยังรักษาข้อได้เปรียบในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
ควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงมีต้นทุนในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว โดยเงินเทอร์โบมองว่ายังมีลูกค้ารายย่อยอีกจำนวนมากทั้งในประเทศไทยเองและในภูมิภาคใกล้เคียงที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ครบถ้วนได้ ซึ่งเงินเทอร์โบมองเห็นโอกาสที่ชัดเจนในการเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว
ดังจะเห็นได้จากการเติบโตที่โดดเด่นในอดีตที่ผ่านมาของกลุ่มบริษัทฯ เงินเทอร์โบจึงวางแผนจะระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจผ่านบริการทางการเงินที่หลากหลาย
และ พื้นที่บริการที่ครอบคลุม รวมถึงต่อยอดการลงทุนและพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อรับมือกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้ง ธนาคารทิสโก้ จำกัด
(มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์
(แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.)
รวมถึง แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้
จำกัด เป็น ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก
(IPO) จำนวนไม่เกิน 537,000,000 หุ้น
มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.5 บาท
คิดเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ 20.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ
ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้