innovestX แนะนำกองทุนเน้นลงทุนประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย “Alpha Fund” เผยเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วกว่าประเทศไทย
.
คุณ พสุวุฒิ วิไลนิรันดร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เผยว่าการลงทุนในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียสามารถดึงดูดบริษัทใหญ่ระดับโลกได้หลายประเทศ และเผยเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับประเทศไทย
.
จึงได้เล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของ 2 กลุ่มประเทศนี้ที่รวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับประเทศไทยในหลายๆปัจจัย ดังนี้ (1.) ข้อมูลทางประชากรที่ทางประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียถือว่าเป็นวัยทำงานมากถึง 50-60% ของจำนวนประชากรทั้งหมด กลุ่มคนวัยดังกล่าวกำลังย้ายจากภาคการเกษตรเข้ามาในภาคอุตสาหกรรม และอยู่อาศัยในตัวเมืองมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้รายได้ต่อหัวปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว (2.) เมื่อเทียบอัตรา GDP ประเทศไทยคงที่มา 8 ปี ในขณะที่ประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียเติบโตมากถึง 122.1% และ 32.7% ตามลำดับ (3.) ประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียประชากรส่วนใหญ่ไม่มีบัญชีธนาคาร และมีหนี้ต่อหัวของประชากรน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศไทย มองว่ามีโอกาสกู้ได้อีกเยอะมาก
.
นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังเป็นอีกทางเลือกของผู้ประกอบหลายประเทศและได้รับเม็ดเงินจากบริษัทข้ามชาติที่ย้ายฐานผลิตเข้ามาเป็นจำนวนมาก แม้แต่บริษัทใหญ่ในไทยหลายแห่งก็เข้าไปลงทุนขยายกิจการในประเทศอิโดนีเซียและประเทศเวียดนามเช่นกัน เช่น กลุ่มเซ็นทรัล, กลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ, บริษัทในเครือ และ บมจ. ปตท. เป็นต้น
.
การลงทุนของกองทุนส่วนบุคคล Alpha Fund by InnovestX เป็นการมุ่งเน้นลงทุนในกิจการที่มีโมเดลธุรกิจที่ดี เติบโตได้ในระยะยาวและมีราคาหุ้นที่เหมาะสม ไม่ได้อิงการตัดสินใจในการลงทุนไปกับภาวะเศรษฐกิจมหภาคในระยะสั้น นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ซึ่งมี 3 นโยบายแบ่งตามประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ทั้งนี้การลงทุนในแต่ละประเทศจะแตกต่างกันในเชิงกลยุทธ์ของการเลือกหุ้นซึ่งเป็นไปตามความเหมาะสมของแต่ละตลาด โดยการคัดเลือกหุ้นเข้ากองทุน Alpha Fund จะผ่านการคัดแบบรายตัวไม่ได้เลือกหุ้นที่เป็นที่รู้จักในตลาดภายใต้แนวคิดการลงทุนในหุ้นที่อยู่นอกกระแสที่ยังไม่ค่อยมีใครสนใจนัก จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้มากกว่า และใช้วิธีการลงทุนแบบกระจุกตัว (Concentrated Portfolio) โดยเลือกลงทุนในหุ้นเพียง 7-15 ตัว โดยอาศัยการลงทุนในกิจการหลายรูปแบบอุตสาหกรรมเป็นการกระจายความเสี่ยงแทนการถือหุ้นจำนวนมาก
การจัดสัดส่วนพอร์ตการลงทุนนั้น ประกอบไปด้วย หุ้นจากประเทศเวียดนามร้อยละ 55 - 60, หุ้นจากประเทศไทยร้อยละ 25 และ หุ้นจากประเทศอินโดนีเซียร้อยละ 15 โดยสาเหตุที่หุ้นจากประเทศอินโดนีเซียมีสัดส่วนน้อยกว่าประเทศไทยเนื่องจากพึ่งนำเข้ามาใหม่นั่นเอง
.
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกในไตรมาส 4 ยังคงมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และยุโรป ปัญหาเศรษฐกิจภายในของจีน เงินเฟ้อรอบใหม่ รวมถึงดอกเบี้ยโดยรวมของโลกยังอยู่ในระดับสูง การลงทุนจึงยังเป็นลักษณะการลงทุนแบบระมัดระวัง มุ่งเน้นคัดเลือกหุ้นของกิจการที่ดีเป็นรายตัว
#innovestX #Vietnam #Indonesia #StockReview #BusinessLineandLife #ข่าวธุรกิจ #ข่าวประจำวัน