EXIM BANK จับมือมูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย พร้อมพันธมิตร สร้างความเข้มแข็งการทำธุรกิจสตรีกลุ่มเปราะบางสู่ตลาดโลก

EXIM BANK จับมือมูลนิธิคีนันแห่งเอเซียและทัณฑสถานหญิงกลาง พัฒนาผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบางสู่ธุรกิจส่งออกผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ พร้อมจับมือลูกค้าธนาคารที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ประกอบด้วย บริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด(มหาชนบริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชนบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด(มหาชนและบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชนสนับสนุนสินค้าจากสตรีกลุ่มเปราะบาง เพื่อสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและสังคมโดยรวมสานพลังต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทยและโลกโดยรวม

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นายริชาร์ด เบิร์นฮาร์ด กรรมการอำนวยการ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย และนางสาวโศรยา ฤทธิอร่ามผู้อำนวยการ ทัณฑสถานหญิงกลาง ร่วมแถลงผลสำเร็จ โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานในการจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบางให้สามารถประกอบธุรกิจ โดยเรียนรู้วิธีพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความแตกต่างและโดดเด่น การทำตลาดผ่านสื่อดิจิทัล และการขายสินค้าออนไลน์เพื่อจะได้เข้าถึงโอกาสใหม่  ทางธุรกิจและขยายธุรกิจในโลกการค้าไร้พรมแดนได้ นำไปสู่การพึ่งพาตนเอง การสร้างรายได้จุนเจือครอบครัว และการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและสังคม  



โอกาสนี้ กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และกรรมการอำนวยการ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับลูกค้าของ EXIM BANK ประกอบด้วยนายจักร บุญ-หลงประธานกรรมการ บริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชนนายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชนนายกมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสและประธานกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด(มหาชนและนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชนเพื่อบูรณาการความร่วมมือในการสนับสนุนสินค้าของผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบาง สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายตลาดไปต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นในระยะต่อไป โดยมีนายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานอนุกรรมการกำกับดูแลการประเมินผลการพัฒนาองค์กรรัฐวิสาหกิจ สาขาสถาบันการเงินและนางสาวโศรยา ฤทธิอร่าม ผู้อำนวยการ ทัณฑสถานหญิงกลาง ร่วมเป็นสักขีพยาน  EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK ภายใต้บทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนา มุ่งมั่นขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ระดับฐานราก EXIM BANK จึงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในกระบวนการ (CSR in Process) ควบคู่กับการบริหารจัดการด้านการเงินด้วยความรับผิดชอบและการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Society and Environment : ESG) ยึดหลักการ 4P เริ่มต้นจากการดูแลคน (People) เพื่อดูแลโลก(Planet) ด้วยความใส่ใจในประสิทธิภาพ (Productivity) และนำไปสู่กำไร (Profit) ทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน แต่เป็นผลสำเร็จของการดำเนินงานตามตัวชี้วัดในด้านต่าง  EXIM BANK จึงจัดทำโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบาง เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลคนในชุมชนรอบข้าง โดยให้ความสำคัญและสนับสนุนความหลากหลาย (Diversity) ในสังคม ทั้งในมิติเพศอายุ และความเปราะบางทางสังคม อาทิ เพื่อนผู้พิการ และสตรีกลุ่มเปราะบาง เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนให้ประชาชนในกลุ่มเปราะบางมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เข้าถึงข้อมูลความรู้ โอกาสทางธุรกิจ และแหล่งเงินทุนที่จะประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว

 

ที่ผ่านมา EXIM BANK ได้จับมือกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ดูแลผู้ประกอบการสตรีในชุมชนรอบEXIM BANK สำนักงานใหญ่ โดยเฉพาะพื้นที่เขตพญาไท และเขตจตุจักร กรุงเทพฯ รวมถึงกลุ่มผู้ที่สนใจจากทัณฑสถานหญิงกลาง ให้ได้รับความรู้ในการเริ่มต้นทำธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ รวมไปถึงสามารถนำเครื่องมือดิจิทัลไปใช้ในการทำตลาดและส่งออกผ่านแพลตฟอร์ม อาทิ Facebook และ Shopee นอกจากนี้ EXIM BANK ยังได้สานพลังกับลูกค้าของธนาคารเพื่อต่อยอดโครงการ  ด้วยการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าของกลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการที่แข่งขันได้เพิ่มมากขึ้นในตลาดการค้าโลกยุคใหม่

นายริชาร์ด เบิร์นฮาร์ด กรรมการอำนวยการ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย กล่าวว่า มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในระดับภูมิภาคที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมไทยมานานถึง 27 ปี มุ่งมั่นสร้างองค์ความรู้และทักษะความชำนาญให้กับประชากรกลุ่มเปราะบางผ่านโครงการกว่า 1,000 โครงการในไทย เวียดนาม และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนในการทำโครงการต่าง  จากภาครัฐ ภาคพหุภาคีและภาคเอกชน ซึ่งมูลนิธิได้ปรับเปลี่ยนการดำเนินโครงการต่าง เป็นรูปแบบที่ผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้นในปัจจุบัน จนปัจจุบัน มูลนิธิคีนันเป็นผู้ให้บริการฝึกอบรมโครงการ Meta Boost ที่ได้รับการรองรับรองจาก Facebook ประเทศไทยเพียงรายเดียวในประเทศไทย จึงมีความพร้อมที่จะขยายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้ง EXIM BANK เพื่อเสริมสร้างโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการจำหน่ายสินค้าสู่ตลาดสากลผ่านแพลต์ฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะ SMEs และกลุ่มเปราะบางทางสังคมที่ฐานทุนน้อย โดยใช้เครื่องมือดิจิทัลง่าย  อาทิ Smart Phone หรือ Tablet โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม เพื่อให้เกิดชุมชนและสังคมที่เข้มแข็ง เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนต่อไป

 

นางสาวโศรยา ฤทธิอร่าม ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องขังสตรียังขาดโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลความรู้เพื่อพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะการประกอบอาชีพอิสระภายหลังจากพ้นโทษแล้ว โครงการความร่วมมือกับ EXIM BANK และมูลนิธิคีนันแห่งเอเซียจึงตอบโจทย์การพัฒนาศักยภาพของกลุ่มเปราะบางนี้อย่างมากในโลกการค้ายุคดิจิทัล ที่ผ่านมา ทางทัณฑสถานหญิงกลางได้คัดเลือกและส่งผู้ต้องขังสตรีเข้าร่วมอบรมภายใต้โครงการนี้แล้วกว่า 50 คน ซึ่งผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ทำให้ผู้ต้องขังได้รับการพัฒนาพฤตินิสัย เสริมสร้างวินัย และเพิ่มพูนทักษะในการประกอบอาชีพต่าง  ได้มากขึ้น  เช่น การเย็บกระเป๋าลายสม็อค หรือการจีบรูดเพื่อให้เนื้อผ้าเกิดรอยย่นอันเป็นลวดลายที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้างานฝีมือของผู้ต้องขังสตรีที่ได้รับความนิยมจากผู้ซื้อจำนวนมาก ภายใต้โครงการนี้ ผู้ต้องขังสตรียังได้รับคำแนะนำจากตัวแทนผู้ส่งออกในการพัฒนารูปแบบกระเป๋าสม็อคเป็นสินค้าส่งออกต่อไป