RT โชว์งบ Q2/66 ฟอร์มดี รายได้ 831.92 ล้านบาท พลิกกำไร 20.98
ล้านบาท
Q3/66
มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพงาน มั่นใจครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง
RT เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2566 รายได้รวม 831.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.39% กำไรสุทธิ 20.98 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับดี
13.91% จากการส่งมอบงานสะท้อนราคาต้นทุนเดิมตามแผน
และ บริหารต้นทุนก่อสร้างดีขึ้น ทิศทางธุรกิจไตรมาส 3/2566
มุ่งพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานก่อสร้าง พร้อมทยอยรับรู้รายได้ Backlog จำนวน 10,101 ล้านบาท
เชื่อมั่นผลประกอบการครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง
จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค
เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2566 บริษัทมีรายได้รวม 831.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 588.39 ล้านบาท จำนวน 243.53 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41.39% และมีกำไรสุทธิ 20.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ
0.21 ล้านบาท จำนวน 20.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9,890.48%
ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 บริษัทมีรายได้รวม 1,459.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม
1,091.18 ล้านบาท จำนวน
368.08 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33.73% และมีขาดทุนสุทธิ 17.21 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ
25.10 ล้านบาท หรือขาดทุนลงลง 31.43%
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในช่วงไตรมาส
2/2566 อยู่ที่ 13.91% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น
9.46%
สาเหตุที่บริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นของทั้งรายได้และกำไรที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
จากการส่งมอบงานเก่าสะท้อนราคาต้นทุนเดิมได้ตามแผนงาน และ
การทยอยรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างในมือที่การพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งการบริหารต้นทุนก่อสร้างที่ดีขึ้น
สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส
3/2566 บริษัทคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการวางแผนเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น
โดยพัฒนาเทคโนโลยีการก่อสร้างมาใช้ควบคู่กับการบริหารแรงงาน
รวมถึงการเพิ่มความรวดเร็วจากการลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น
เพื่อส่งมอบงานคุณภาพได้ตามกำหนดเวลา
ขณะเดียวกัน
บริษัทมีแผนการรับรู้รายได้จากการเร่งส่งมอบงานก่อสร้างในประเภทต่าง ๆ อาทิ ประเภทงานเขื่อนและระบบชลประทาน, ประเภทงานก่อสร้างอุโมงค์ และ งานประเภทอื่น ๆ ได้แก่ งานป้องกันและเสริมเสถียรภาพทางลาด
(Slope Protection) ซึ่งถือเป็นการส่งมอบงานก่อสร้างที่สะท้อนราคาต้นทุนเดิมที่ปัจจุบันมีสัดส่วนเหลือเพียง
4% ของจำนวนงานทั้งหมดเท่านั้น
และยังเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้ารับงานใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชนที่สะท้อนราคาต้นทุนปัจจุบันเพื่อเพิ่มอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่ดีขึ้น
นอกจากนี้
บริษัทยังมีความก้าวหน้าจากโครงการก่อสร้างในมือเพิ่มขึ้น เช่น
งานก่อสร้างอุโมงค์ดินอ่อน และ งานวางท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน
(Pipe
Jacking) ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
โดยบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ วันที่ 30
มิถุนายน 2566 ประมาณ 10,101 ล้านบาท ซึ่งจากประสิทธิภาพการดำเนินงานประกอบกับมูลค่างานในมือปัจจุบัน ทำให้บริษัทเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง