ทาคูนิ กรุ๊ป เปิดผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 2566 มีรายได้รวมกว่า 1,970 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.67% จากธุรกิจขนส่งที่เติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขณะที่มีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท “ดร.สมยศ”เผยเตรียมขายคลังแก๊สที่ จ.พิจิตร ไตรมาส 3 หลังไตรมาสแรกขายคลังแก๊สที่ปทุมธานีไป เพื่อรุกธุรกิจพลังงานสะอาด โดยเฉพาะมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าที่ตั้งเป้าขายในปีนี้ ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์โลก พร้อมโชว์แบ็คล็อกงานก่อสร้างรอรับรู้รายได้ 3,580 ล้านบาท
ดร.สมยศ ติรนวัฒนานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการบริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อย สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปีนี้สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีรายได้รวม 1,970.49 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 1,848.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 122.47 ล้านบาทหรือเติบโต 6.67%
บริษัทมีนโยบายในการประกอบธุรกิจโดยก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยที่สุด (Credit zero waste carbon dioxide) จึงได้ขายคลังแก๊สในจังหวัดปทุมธานีในไตรมาส 1/66 และได้ทำสัญญาจะขายคลังแก๊สในจังหวัดพิจิตรในไตรมาส 3/66 ประกอบกับแนวโน้มธุรกิจพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกกำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย บริษัทจึงได้มีนโยบายในการปรับเปลี่ยนธุรกิจหลักไปในกลุ่มของพลังงานสะอาด โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างจับมือกับพันธมิตรในการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่วางแผนจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศภายในปีนี้
ส่วนธุรกิจขนส่งทางบกมีรายได้ 14.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.15%เนื่องจากกลุ่มบริษัทได้ขยายฐานลูกค้า กับบุคคลภายนอกเพิ่มมากขึ้น โดยคาดหวังให้เกิดการเติบโตของธุรกิจอีก 1 เท่าตัว
ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีรายได้ 1,630.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.55%เนื่องจาก การส่งมอบงานรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับการว่าจ้างตั้งแต่ปี 2565อยู่ในช่วงปลายสัญญา และปัจจุบันกลุ่มบริษัทยังมีงานรับเหมาก่อสร้างที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและยังไม่รับรู้รายได้ จำนวน 3,580 ล้านบาท
สำหรับรายได้จากธุรกิจทดสอบความปลอดภัย สัดส่วนลดลงเล็กน้อยเนื่องจาก ในปี 2565 กลุ่มบริษัทได้รับรู้รายได้โครงการขนาดใหญ่จากงานตรวจสอบคุณภาพ NDT ที่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนลิกไนต์ ขณะที่ ธุรกิจจัดสรรทรัพยากรบุคคลมีรายได้ 120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100%เนื่องจากเดือน ธ.ค. 2565 บริษัทได้ลงทุนในบริษัทย่อยสัดส่วน 51% ในธุรกิจจัดสรรทรัพยากรบุคคล โดยคาดหวังการทำกำไรในอนาคตจากธุรกิจดังกล่าว
“อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้น สัดส่วนลดลงเนื่องจากธุรกิจขายแก๊ส รายได้ลดลงและอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนธุรกิจหลักไปสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เป็นช่วงปลายสัญญาจึงทำให้รายได้ลดลง ส่วนธุรกิจทดสอบความปลอดภัย ในปี 2566 ยังไม่มีโครงการขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับปี 2565 และธุรกิจจัดสรรทรัพยากรบุคคล อยู่ในระหว่างการปรับเปลี่ยนและควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น” ดร.สมยศกล่าว
ส่วนรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้นเนื่องจาก การขายคลังแก๊สในจังหวัดปทุมธานี ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นเนื่องจาก เดือนธ.ค. 2565 บริษัทได้ลงทุนในบริษัทย่อยสัดส่วน 51.% ในธุรกิจจัดสรรทรัพยากรบุคคลส่วนต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นเนื่องจาก อยู่ในช่วงของการปรับเปลี่ยนธุรกิจหลักไปสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด และการเพิ่มขึ้นของธุรกิจจัดสรรทรัพยากรบุคคล
ดร.สมยศ กล่าวอีกว่า จากผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในงวดครึ่งปีแรกของปี 2566 ส่งผลให้บริษัท มีกำไรเบ็ดเสร็จรวม 13.55 ล้านบาท ลดลง 69.78% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44.84ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ดำเนินการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท รวม24 ล้านบาท โดยได้จ่ายปันผลไปให้วันที่ 24 พ.ค.2566