BLC โชว์ศักยภาพ BLC Research Center เดินหน้าวิจัยยาสามัญใหม่ตามแผนงานพร้อมปั้นนวัตกรรมสมุนไพรไทยออกสู่ตลาดโลก ตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2569
ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC เผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ามูลค่าการจำหน่ายยาระหว่างปี 2566-2568 มีอัตราการเติบโต 5.0-6.0% ต่อปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวตามทิศทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว และแนวโน้มการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังรวมถึงจำนวนผู้ป่วยต่างชาติกลับมาใช้บริการโรงพยาบาลในประเทศไทย ช่วยสนับสนุนความต้องการการใช้ยามากขึ้น
BLC ในฐานะผู้ผลิต และจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ ยาสามัญใหม่ ยาสมุนไพร ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่นๆ อย่างครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้เล็งเห็นเทรนด์ด้านสุขภาพที่กำลังขยายตัว โดยเฉพาะประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงมุ่งเน้นการวิจัยพัฒนายาสามัญใหม่ที่มีอัตราการเติบโตสูง วางเป้าหมายการผลิตและวางจำหน่ายยาสามัญใหม่อย่างน้อยปีละ 2 รายการ เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายรายได้ 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2569
ภก.สมชัย พิสพหุธาร ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติคจำกัด (มหาชน) หรือ BLC เผยว่า บริษัทฯ วางกลยุทธ์สร้างการเติบโต โดยมุ่งเน้นพัฒนากลุ่มยาที่มีอัตราการเติบโตสูง มีความสามารถในการทำกำไรขั้นต่ำที่ 70% ใน 3-5 ปีแรกของการวางจำหน่าย โดยบริษัทฯ มีแผนการวางจำหน่ายยาสามัญใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มยอดขายในช่องทางโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน รวมทั้งขยายตลาดสู่ต่างประเทศในตลาดประเทศจีน อินโดนีเซีย ฮ่องกง ตะวันออกกลางและ CLMV เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 337 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันในปีก่อนหน้า 56.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 20% จากปัจจัยการทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดโปรโมชัน และการออกบูธแสดงสินค้า เพื่อสร้างBrand Awareness ให้แก่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 30.3 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรที่9% ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นและต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และสิทธิประโยชน์ BOI หมดอายุในเดือนสิงหาคม 2565
#BLC #ยารักษาโรค #StockReview #ข่าวธุรกิจ #BLCResearchCenter #ข่าวเศรษฐกิจ