SMART เผยทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 2566 แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โครงการอสังหาฯ
แนวราบ-แนวสูงฟื้น ภาคท่องเที่ยวดันโครงการภาครัฐเร่งลงทุน หนุนความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้าง
อิฐมวลเบา-อิฐมวลเบาตกแต่งคุณภาพสูง ประหยัดพลังงาน
ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น เร่งเดินเครื่องเพิ่มศักยภาพกระบวนการผลิต
ตอบโจทย์ความต้องการตลาดอสังหาฯรักษ์โลก ขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ
หนุนรายได้โตตามเป้าที่ 10%
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง
และงานกั้นผนังอาคารเปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 2566 แนวโน้มเติบโตดี
ปัจจัยสนับสนุนจากการทยอยฟื้นตัวของโครงการอสังหาฯ ทั้งแนวราบ-แนวสูง
รวมถึงภาคการท่องเที่ยวผลักดันให้งานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ เกิดการลงทุนต่อเนื่อง
หนุนความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้าง อิฐมวลเบา-อิฐมวลเบาตกแต่งที่มีมาตรฐานเพิ่มขึ้น
บริษัทเดินหน้าตามแผนงาน มุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้ามากที่สุด
รวมถึงตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคและผู้ประกอบการโครงการอสังหาฯ ที่ให้ความสำคัญ
ใส่ใจและเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มอบความยั่งยืน ทั้งด้านเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ประหยัดทรัพยากร ประหยัดพลังงาน และปลอดภัยต่อผู้อาศัย ซึ่งที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ
ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมีคำสั่งซื้อต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการอสังหาฯ แนวราบ-แนวสูง
โรงงานอุตสาหกรรม และเจ้าของบ้าน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติสอดคล้องตามมาตรฐานอาคาร
ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ
เข้ามาเพิ่มเติม ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้จากงานภาคเอกชนอยู่ที่ 80 % ภาครัฐ 20 %
นอกจากนี้ เตรียมเพิ่มศักยภาพกระบวนการผลิตโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้
เพื่อลดต้นทุนและปรับปรุงผลผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างคุ้มค่า
ช่วยลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน
การใช้พลังงานหมุนเวียน และพัฒนาเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ เพื่อความปลอดภัย
ลดผลกระทบที่อาจเกิดต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และสังคม
“บริษัทฯ ยึดหลักขับเคลื่อนธุรกิจ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ESG (Environmental, Social, Governance) เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตก้าวหน้าอย่างมั่นคงยั่งยืน โดยดำเนินงานด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ควบคู่ การบริหารจัดการความเสี่ยง รับมือการเปลี่ยนแปลงราคาวัสดุก่อสร้างและต้นทุนพลังงานที่ยังคงมีความผันผวน ด้วยการบริหารจัดการการผลิตและสต็อกสินค้าให้สอดคล้องกับปริมาณคำสั่งซื้อ รวมถึง การบริหารสภาพคล่องทางการเงิน ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ จะผลักดันให้การเติบโตรายได้ในปีนี้ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 10%” นายรังสีกล่าว