BANPU ทุ่ม 1.6 หมื่นล้าน ซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐ

บริษัท Temple Generation Intermediate Holdings II, LLC1ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BANPU ได้เข้าซื้อหุ้น 100% ในบริษัท CXA Temple 2, LLC ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าการลงทุนรวม 460 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเทียบเท่า 16,060 ล้านบาท

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า บริษัท Temple Generation Intermediate Holdings II, LLC1 ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น (Purchase and Sale Agreement) เพื่อเข้าซื้อหุ้น 100% ในบริษัท CXA Temple 2, LLC ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II (Temple II CCGT) โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I (Temple I CCGT) ในรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าการลงทุนรวม 460 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 16,060 ล้านบาท โดยเป็นเงินลงทุนของ บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ตามสัดส่วนการลงทุน 230 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเทียบเท่า 8,030 ล้านบาท โดยรายการดังกล่าวได้ทำเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566

Temple II CCGT เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง มีขนาดกำลังการผลิต 755 เมกะวัตต์ งอยู่ในรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นรัฐที่มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างอย่างต่อเนื่อง มีขยายตัวของเมือง (Urbanization) และการเติบโตของจำนวนประชากร ทั้งยังเป็นรัฐที่มีแหล่งทรัพยากรพลังงานมากมาย อีกทั้งโรงไฟฟ้าแห่งนี้ใช้เทคโนโลยี Combined Cycle Gas Turbines หรือ CCGT ที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูง มีความยืดหยุ่นในการเดินเครื่องจึงอยู่ในลำดับการเรียกจ่ายไฟฟ้า (merit order) ที่ดี ซึ่งสอดรับกับสภาพและการแข่งขันในตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรีใน Electric Reliability Council of Texas หรือ ERCOT

กลุ่มบริษัทฯ มีการลงทุนใน Temple I CCGT เมื่อปลายปี 2564 และเริ่มดำเนินธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้าในรัฐเทกซัส ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้นับเป็นการต่อยอดธุรกิจไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาของบริษัทฯ และช่วยสร้างการผนึกกำลังร่วม (Synergy) โดยได้ประโยชน์จากสถานที่ตั้งของโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่ง ทำให้สามารถบริหารจัดการโรงไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นและเสถียรภาพในการผลิตไฟฟ้าทำให้สามารถสร้างโอกาสในการทำกำไรในตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรี และสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันให้ได้ประโยชน์สูงสุด

การมีกำลังผลิตเพิ่มเติมยังช่วยเพิ่มข้อได้เปรียบในการบริหารจุดคุ้มทุน ช่วยกระจายความเสี่ยงด้านธุรกิจไฟฟ้าที่ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน อีกทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติแห่งนี้เป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว จึงสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันทีสอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter ของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านขององค์กร และบรรลุเป้าหมายกำลังการผลิต 6,100 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568