wave ส่งบริษัทลูก “เวฟ บีซีจี” ผนึกกำลัง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เซ็นเอ็มโอยู สนับสนุนองค์กร-ภาคธุรกิจในไทย บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน พร้อมให้บริการครบวงจรทั้งการให้คำปรึกษาและการจัดหาโซลูชั่นต่างๆ มาให้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน
นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2566 บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ WAVE ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ บริษัท ชไนเดอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ในงาน Innovation Summit Bangkok 2023 ไบเทค บางนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนองค์กรในประเทศไทย อย่างครบวงจรเพื่อผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในองค์กรและบรรลุเป้าหมายในการเป็นกลางทางคาร์บอน โดยการจัดหาโซลูชันด้านการบริหารจัดการพลังงาน และบริการองค์กรเป็น one-stop-service ตั้งแต่บริการให้คำปรึกษา รวมถึงการนำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามา implement เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน รวมถึงการพัฒนากลุ่มลูกค้าใหม่ในประเทศไทย
ทั้งนี้การลงนามดังกล่าว ประกอบไปด้วยพันธมิตรทั้ง 2 ฝ่าย คือ บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด นำโดยนายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด และนายถิรพงศ์ คำเรืองฤทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชน)
ส่วน บริษัท ชไนเดอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด นำโดยนาย เจิ้ง ยิน (Zheng Yin) รองประธานบริหาร ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประจำภูมิภาคจีนและเอเชียตะวันออก ,นายสเตฟาน นูสส์ (Stephane Nuss) ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย เมียนมา และลาว ,นางอันนา ลอรี ลู เดอเลค เอ๊บ เดอ ฟูโกด์ (Anh-Hà Delegue Ep. De Foucauld) ผู้อำนวยการด้านความยั่งยืนและพัฒนาธุรกิจ
“ผู้ประกอบการไทยต้องการการสนับสนุนอย่างครบวงจรเพื่อผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในองค์กรและบรรลุเป้าหมายในการเป็นกลางทางคาร์บอน ดังนั้นจึงมีความต้องการโซลูชัน แบบ one-stop-service ตั้งแต่การได้รับคำปรึกษา การคำนวณ Carbon Footprint และ การวางแผน (road mapping) ตลอดจนการเข้าถึงเทคโนโลยีในการลดก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน การที่ Wave BCG และ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในการบริหารจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชัน ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกัน จะสามารถยกระดับการสนับสนุนลูกค้าของ ทั้ง 2 ฝ่ายได้อย่างครบวงจร” นาย เจมส์ กล่าว
บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการด้านการซื้อขายคาร์บอนเครดิตแบบครบวงจร (One Stop Service) สามารถให้คำปรึกษาทั้งในส่วนของผู้ซื้อและผู้ขาย เป็นผู้พัฒนาโครงการและจัดหาคาร์บอนเครดิต ทั้งจากพลังงานสะอาดและพลังงานอื่นๆ บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับองค์กรและ/หรือผลิตภัณฑ์ (CFO/CFP) สามารถช่วยวิเคราะห์ช่องว่างทางธุรกิจ (Gap Analysis) และยังสามารถพัฒนากลยุทธ์เพื่อส่งเสริมให้องค์กรของลูกค้าบรรลุเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน ในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน
ส่วนทางด้าน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชัน จะช่วยส่งเสริมและผลักดันให้ลูกค้าทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยี EcoStruxure สถาปัตยกรรมแบบเปิดมีความสามารถด้าน IoT รวมไปถึงซอฟต์แวร์อัจฉริยะ ครอบคลุมการให้บริการแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น บ้าน อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ โรงงาน เครื่องจักร โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งผลิตภัณฑ์และโซลูชันของชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีจุดแข็งในการช่วยลูกค้าลดการปล่อยคาร์บอน และก๊าซเรือนกระจกได้อย่าง มีประสิทธิภาพตามความความเหมาะสมสำหรับโครงการนั้นๆ อีกด้วย