LEO จับมือ PORT เปิดโครงการ Intelligent Cold Chain Logistics Center ระบบอัจฉริยะแห่งแรกของไทย ลุยธุรกิจคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ต่อยอดธุรกิจ Non-freight หนุนรายได้เพิ่มดันอนาคตโตก้าวกระโดด
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอโกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เผยว่า สำหรับความร่วมมือกับ PORT ในครั้งนี้ เป็นการให้บริการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า (Warehouse / Logistics Center) ที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิเพื่อเป็นการเปิดใช้คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ระบบ Automation & Robot ระบบอัจฉริยะ ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ และใช้ Robot ทำงานแทนมนุษย์ ภายในห้องแช่แข็งที่มีอุณหภูมิ 0 -25 องศาเซลเซียส ในท่าเรือสหไทยที่เป็นพื้นที่คลังสินค้าทัณฑ์บน การใช้ ระบบ Automation & Robot นี้จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของการลดต้นทุนเรื่องการหาบุคคลากรในระดับแรงงานที่นับวันก็จะยิ่งหายาก และยังทำให้บริษัทฯ สามารถให้บริการที่รวดเร็วและมีความแม่นยำและสนองตอบความต้องการของลูกค้า
บริษัทฯ ได้ลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ กับ บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการท่าเทียบเรือและโลจิสติกส์แบบครบวงจร เปิดโครงการ The 1st Intelligent & Robotic Cold Chain Bonded Warehouse/Logistics Center in Bangkok คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่ใช้ระบบ Automation & Robot ระบบอัจฉริยะใช้ Robot ทำงานแทนมนุษย์ แห่งแรกของประเทศไทยและยังเป็นพื้นที่ที่ได้รับการอนุมัติจากทางกรมศุลกากรให้เป็นคลังสินค้าทัณฑ์บน ซึ่งลูกค้าที่มาใช้บริการสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ในเรื่องภาษีนำเข้าของการใช้คลังสินค้าทัณฑ์บนทุกประการ และยังเป็นBonded Cold Chain Logistics Center ที่ตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจและการค้าของกรุงเทพมหานครมากที่สุด จึงจะเป็นจุดแข็งที่สำคัญของโครงการนี้ในการให้บริการกับผู้นำเข้าสินค้าที่เป็นสินค้าแช่แข็งและควบคุมอุณหภูมิทุกประเภท ในการนำเข้าสินค้ามาเพื่อจัดเก็บและกระจายสินค้าให้กับซุปเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม และร้านอาหารต่างๆในกรุงเทฑและปริมณฑล
โครงการ The 1st Intelligent & Robotic Cold Chain Bonded Warehouse/Logistics Center in Bangkok ตั้งอยู่ในบริเวณท่าเทียบเรือ สหไทยฯ ถนนปู่เจ้าสมิงพราย ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้งบการลงทุน 232 ล้านบาทแบ่งเป็นค่าเช่าทรัพย์สินตลอดระยะเวลาอายุสัญญา 72 ล้านบาท และเงินลงทุนในการพัฒนาโครงการ 160 ล้านบาท และคาดว่าจะสร้างรายได้อย่างน้อย 800 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาโครงการ LEO ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำธุรกิจร่วมกับPORT ด้วยจุดเด่นของบริษัทฯ ที่มีการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรสามารถให้บริการขนส่งสินค้าธรรมดา และสินค้าที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ จึงมีความพร้อมในการให้บริการ ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 ของปี 2567 นี้ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแผนงานที่ LEO จะพัฒนาในส่วนของธุรกิจ Non-freight ในทุกมิติ และเข้ามาช่วยเสริมให้บริษัทฯ มีการเติบโตทางรายได้และผลประกอบการอย่างก้าวกระโดดภายใน 1-3 ปีข้างหน้า
#LEOGlobal #LEO #PORT #StockReview #ข่าวธุรกิจ #ข่าวประจำวัน