ผู้ถือหุ้นบีจิสติกส์ ผ่านฉลุยเพิ่มทุน 1.2 พันล้านบาท ยันลงทุนเพิ่มหุ้นเมกะวัตต์ หนุนธุรกิจกลุ่ม B เติบโตแข็งแกร่งและยั่งยืน ก้าวสู่ผู้นำธุรกิจขนส่ง-พลังงาน-สาธารณูปโภค ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกางโครงสร้างธุรกิจของเมกะวัตต์ ตอกย้ำความเชื่อมั่นผู้ถือหุ้น เผยงบปี 65 เมกะวัตต์มีกำไรสุทธิ 147.9 ล้านบาท และในปี 2566 ตั้งเป้ารายได้เติบโตกว่า 25%
ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน)หรือ B เปิดเผยว่า ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM 2023) เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติให้บริษัทจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวนไม่เกิน 20,761. 5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.68 บาท เพื่อเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละราย (Right Offering) หรือ RO ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 6 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.06 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 1,245.6 ล้านบาท
ดร.ปัญญา กล่าวต่อว่า การเพิ่มทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้ B มีความการเติบโตที่ยั่งยืนและแข็งแกร่ง และรองรับการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่ม B ที่ต้องการยกระดับธุรกิจให้อยู่ในกระแสโลก ตามเป้าหมายแผนยุทธศาสตร์ของกลุ่ม B ที่ต้องการเป็นผู้นำด้านกรีน โลจิสติกส์ (Green Logistics) พลังงานสีเขียวและสาธารณูปโภค (Green Energy and Utilities )
สำหรับการเพิ่มทุนในครั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักของการใช้เงินเพิ่มทุนสัดส่วน 46% เพื่อซื้อหุ้นของบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด จำนวนหุ้นไม่เกิน 4.96 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 115 บาท คิดเป็นเงินมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 570.4 ล้านบาท ที่เหลือใช้เพื่อขยายกิจการและลงทุนในอนาคต ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและชำระหนี้สิน ซึ่งภายหลังการลงทุนเพิ่มในครั้งนี้ ส่งผลให้ให้ B ถือหุ้นใน เดอะ เมกะวัตต์สัดส่วน 70.16%
ดร.ปัญญา อธิชายต่อว่า การที่บริษัทตัดสินใจลงทุนเพิ่มใน เดอะ เมกะวัตต์ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์โลกและอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ของกลุ่ม B ที่มุ่งเน้นลงทุนพลังงานสีเขียวและสาธารณูปโภค(Green Energy and Utilities )และสามารถนำมาต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจในกลุ่ม B ขณะที่ผลประกอบการก็เติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2565 มีกำไรสุทธิ 147.9 ล้านบาท และในปี 2566 ประมาณการว่าจะมีรายได้เติบโต 25%
การดำเนินธุรกิจของบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด ในปี 2566 ได้มีการจัดโครงสร้างธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้า 2. ธุรกิจติดตั้ง โซล่าเซลล์รูฟท็อปและโซล่าเซลล์ฟาร์ม และ3. กลุ่มธุรกิจใหม่
สำหรับกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้า ประกอบไปด้วย โรงไฟฟ้าโซล่าเซลล์ที่จังหวัดชัยภูมิ ขนาด 27 MGW และโรงไฟฟ้าโซล่าเซลล์ที่ประเทศเวียดนาม ขนาด 29 MGW และกำลังดำเนินการหาข้อสรุปการสร้างโรงไฟฟ้าโซล่าเซลล์ที่ประเทศพม่า เฟสที่ 1 ขนาด 75 MGW
ส่วนกลุ่มธุรกิจติดตั้ง โซล่าเซลล์รูฟท็อปและโซล่าเซลล์ฟาร์ม ให้บริการกับหน่วยงานภาครัฐและภาคงานเอกชน ปัจจุบันมีโครงการที่ได้รับชัยชนะการประมูลงานและอยู่ในระหว่างการยื่นประมูลอีกหลายโครงการ ขณะที่กลุ่มธุรกิจใหม่นั้น จะเป็นธุรกิจด้านการบริหารจัดการพลังงาน ซึ่งประกอบไปด้วย เทคโนโลยี Battery Storage, เทคโนโลยีซอฟต์แวร์เพื่อบริหารจัดการการประหยัดพลังงานให้กับหน่วยงานภาครัฐและภาคงานเอกชน, เทคโนโลยีหัวชาร์ตพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ โดยเดอะ เมกะวัตต์มีแผนที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นธุรกิจ Vehicle-to-VehicleCharging, Vehicle-to-Home Charging และ Vehicle-to-Grid Charging