ปัจจุบันนี้ต้องถือได้ว่าธุรกิจ
“ตู้หยอดเหรียญ” หรือ Vending Machine เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่อำนวยความสะดวก
เข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคได้ 24 ชั่วโมง
และมีการพัฒนารูปแบบธุรกิจให้มีความหลากหลายมากขึ้น
รวมถึงความสะดวกในการชำระเงินที่สามารถจ่ายได้ทั้งรูปแบบ Cashless หรือจ่ายผ่าน E-Wallet หรือ QR Code
ตู้หยอดเหรียญคืออะไร
เป็นตู้จำหน่ายสินค้าหรือบริการแบบหยอดเหรียญอัตโนมัติโดยไม่มีคนเฝ้า
สามารถตั้งตู้ไว้ที่ใดที่หนึ่งสำหรับขายสินค้านั้น
โดยผู้ซื้อจะหยอดเหรียญเข้าไปในช่องจากนั้นก็กดปุ่มเลือกสินค้าเครื่องก็นำสินค้าที่เลือกให้กับลูกค้าที่ช่องรับสินค้า
ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นเจ้าแห่งตู้หยอดเหรียญ
เพราะมีตู้หยอดเหรียญจำหน่ายสินค้าที่มากมายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตู้หยอดเหรียญกาแฟ,
ตู้หยอดเหรียญเครื่องดื่มสำเร็จรูป, ตู้หยอดเหรียญ, ตู้หยอดเหรียญขายอาหาร
และตู้หยอดเหรียญทำราเมนสดพร้อมรับประทาน
ธุรกิจตู้หยอดเหรียญได้เข้ามาในประเทศไทยได้ประมาณ
20 ปี ผู้ที่เข้ามาทำตลาดรายแรก ๆ ในไทยคือ SUN108 ในเครือสหพัฒน์โดยใช้เทคโนโลยีและความรู้จากญี่ปุ่น ส่วนอีกรายน่าจะเป็น T.G.
Vending ของกลุ่มกระทิงแดง และในปี 2562 กลุ่ม CP โดย CP Retailink ได้นำเทคโนโลยีรูปแบบการชำระเงิน
ทั้งเงินสด E-Wallet และ QR Code โดยทดลองวางไป
120 ตู้ทั่วประเทศ ทั้งในโรงเรียน โรงพยาบาล อาคารสำนักงานต่าง ๆ
ตู้หยอดเหรียญในประเทศไทยในตอนนี้คาดว่ามีประมาณ
200,000-300,000 ตู้ทั่วประเทศ โดยจะเน้นจำหน่ายเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
ธุรกิจตู้หยอดเหรียญอาจจะไม่ใช่ธุรกิจใหม่ในไทย
แต่เนื่องจากที่ผ่านมาทำเลที่ให้บริการส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก
รองลงมาคืออาคารสำนักงานและตามหอพัก ที่พักอาศัย และในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
ตู้หยอดเหรียญได้ก้าวเข้าสู่ผู้บริโภคโดยตรงมากขึ้น ทั้งในเรื่องของสินค้าที่หลากหลายขึ้น
รวมถึงทำเลที่ตั้งในการให้บริการเทียบเท่าร้านสะดวกซื้อก็ว่าได้
นอกจากสินค้าประเภทกลุ่มอาหารหรือเครื่องดื่มแล้ว ยังมีสินค้ารูปแบบการให้บริการในรูปแบบตู้หยอดเหรียญ ไม่ว่าจะเป็นการให้เช่า Power Bank ที่เติบโตในประเทศจีนเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจตู้เติมเงินมือถือ ธุรกิจร้านสะดวกซัก ธุรกิจตู้น้ำหยอดเหรียญ ธุรกิจปั๊มน้ำมันหยอดเหรียญ รวมไปถึงธุรกิจล้างอัดฉีด เป็นต้น
อยากลงทุนตู้หยอดเหรียญต้องเตรียมอะไรบ้าง
ตู้หยอดเหรียญถือเป็นธุรกิจที่น่าลงทุนและน่าสนใจอย่างมาก
ถือเป็นธุรกิจเสือนอนกินเลยก็ว่าได้
หากคิดจะลงทุนกับธุรกิจนี้มีอะไรบ้างที่เราควรรู้จะเตรียมให้พร้อม
1.ทำเลต้องได้
การที่จะลงทุนธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดก็ตาม
ทำเลถือเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ในการขายสินค้า
เพราะไม่ว่าสินค้าหรือตู้จะมีประสิทธิภาพสูงขนาดไหน
แต่ถ้าไม่มีคนมาใช้บริการก็ไม่มีความหมาย ทำเลที่ตั้งนอกจากอิงจากแหล่งชุมชนแล้ว
ต้องอิงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
การมองถึงทำเลในอนาคตการขยายตามขอบชุมชนเมืองไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์ตามตึกใหญ่
แม้กระทั่งในเขตชุมชนโรงงาน
2.สินค้าต้องใช่
ก่อนที่จะลงทุนตู้หยอดเหรียญใดๆ ต้องดูความต้องการของคนในพื้นที่
สินค้าที่นำมาวางต้องตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริง เช่น ตู้น้ำ
ต้องตอบโจทย์การจัดการน้ำ มีความสะอาด มีการบำรุงรักษา
ทำความสะอาดตู้ทั้งภายในและภายนอก ตู้เติมเงินต้องตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นอย่างรวดเร็ว
เช่นการเติมเงินภายใน 20 วินาที จากที่ผ่านมาใช้เวลา 1-2 นาที เป็นต้น
3. บริหารจัดการเหรียญให้ดี
เหรียญถือเป็นปัจจัยสำคัญของธุรกิจตู้หยอดเหรียญ
เหรียญเป็นเงินที่มีน้ำหนัก การไขเหรียญเป็นภาระที่ผู้ประกอบการต้องสนใจ
อาจต้องลงทุนกับการคัดแยกเหรียญให้กับกลุ่มธนาคารหรือกลุ่มแม่ค้า
ต้องบริหารจัดการและวางแผนให้ดี
4.ใช้ตลาดออนไลน์ร่วมด้วย
ธุรกิจนี้อย่ารอให้คนมาเห็นเพียงแค่อย่างเดียว
ต้องกระตุ้นให้คนอยากใช้บริการ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามีตู้บริการ
หรือไม่รู้ว่าตู้บริการของเราให้บริการอะไรบ้าง
การตลาดออนไลน์ต้องสื่อให้เห็นว่าตู้ของเราให้บริการเกี่ยวกับอะไร
สามารถทำอะไรได้บ้างและลูกค้าจะได้ประโยชน์อะไรจากการใช้ตู้บริการของเรา
5.หมั่นศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ด้วยเทคโนโลยีแห่งยุคสมัยอย่าง AI และ Machine Learning ตู้หยอดเหรียญถือเป็นนวัตกรรมที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่เราอยากลงทุนด้านนี้ต้องศึกษาแนวทางและวิธีการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ หากเราไม่มีการพัฒนาหรืออัพเดทคนก็จะหันไปใช้ตู้บริการที่ใหม่กว่า ทันสมัยกว่า สุดท้ายการลงทุนของเราก็อาจล้มเหลวได้
ความเสี่ยงที่ต้องเจอ
เมื่อรู้แนวทางในการเตรียมตัวที่จะลงทุนในธุรกิจตู้หยอดเหรียญแล้ว ถึงคราวที่จะต้องมาทำความรู้จักความเสี่ยงในการลงทุนทำธุรกิจนี้
เพื่อที่หาแนวทางป้องกันหรือวิธีการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
1.สถานที่ไม่ดี ไม่มีการสำรวจ
ก่อนการเลือกสถานที่วางตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ
จะต้องมีการสำรวจ เช่น จำนวนคน ช่วงอายุและประเภทของคน
จำนวนคู่แข่งรวมไปถึงร้านสะดวกซื้อและร้านโชห่วย ราคาค่าเช่าในบริเวณนั้น
แล้วนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับสถานที่อื่น ๆ ที่อยู่ในลิสต์แล้วค่อยตัดสินใจ
การแบกภาระค่าเช่าที่สูงเกินไปอาจส่งผลถึงกำไรของคุณ
2.สินค้าขายไม่ได้ สินค้าหมดอายุ
ควรเลือกตู้ที่สามารถใส่สินค้าที่หลากหลายประเภทภายในเครื่องเดียว
สามารถปรับเปลี่ยนสินค้าได้ง่ายและสะดวก จะช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของสินค้าที่ขายไม่ออกหรือหมดอายุ
ควรเริ่มจากสินค้าหลากหลายประเภทหรือยี่ห้อ แล้วบันทึกสถิติยอดขาย
แล้วค่อยคัดสินค้าที่ขายไม่ดีออก
และสามารถปรับเปลี่ยนสินค้าตามฤดูกาลหรือเทศกาลหรือสินค้าตามกระแสนิยม
ก็จะช่วยให้คนหันมาใช้บริการมากขึ้น
3. ตู้ไม่มีคุณภาพ
อีกหนึ่งปัญหาที่อาจะเกิดขึ้นได้ก็คือตู้ที่ไม่ได้มาตรฐานไม่มีคุณภาพ
ตู้พังหรือติดปัญหาอื่น ๆ เช่น
สินค้าที่อยู่ในเครื่องไม่ถูกรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสมส่งผลให้สินค้าเสียหรือไม่พร้อมขาย
เกิดฝ้าไอน้ำที่ตู้กระจก เครื่องกินเงิน เครื่องทอนเงินผิด และอื่น ๆ
ทำให้เสียค่าซ่อมแซมเครื่อง
นอกจากนี้อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของลูกค้าเกิดความไม่เชื่อมั่นมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียฐานลูกค้าไป
อย่างไรก็ตามต้องคำนึงและเปรียบเทียบข้อมูลหลาย
ๆ เครื่อง แบรนด์ที่ให้บริการ เป็นสิ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงในขั้นต้น
รวมไปถึงข้อมูลการให้บริการหลังการขาย บริการซ่อมบำรุง ส่วนแบ่งการขายสินค้า
ค่าแฟรนไชน์ต่างๆ ยิ่งทำการสำรวจและหาข้อมูลมากเท่าไร
โอกาสที่ธุรกิจจะเติบโตยิ่งสูงขึ้นและลดความเสี่ยงลงได้มากเช่นกัน